สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบสัปดาห์เมื่อคืนนี้ (23 พ.ย.) เนื่องจากการร่วงลงของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐส่งผลให้นักลงทุนแห่ซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าจะมีธนาคารกลางอีกหลายที่เพิ่มการซื้อทองคำ หลังจากอินเดียและมอริเชียสเข้าซื้อทองคำจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ไปก่อนหน้านี้
บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 1,164.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ทะยานขึ้น 17.90 ดอลลาร์ หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,174.00 ดอลลาร์/ออนซ์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 18.610 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 17.00 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ดีดขึ้น 2.8 เซนต์ ปิดที่ 3.162 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมเดือนม.ค.ปิดที่ 1,467.60 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 25.70 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 373.30 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 8.95 ดอลลาร์
เบอร์นาร์ด ซิน หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท เอ็มเคเอส ไฟแนนซ์ เอสเอ กล่าวว่า "นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำอย่างคึกคักหลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.9% เมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร โดยสัญญาทองคำพุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 1,174.00 ดอลลาร์/ออนซ์ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อทองคำก็เพราะขาดความเชื่อมั่นในสกุลเงินดอลลาร์"
แบงค์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ คาดการณ์ว่า สัญญาทองคำมีแนวโน้มพุ่งขึ้นแตะระดับ 1,500 ดอลลาร์/ออนซ์ ในอีก 18 เดือนข้างหน้า โดยสัญญาทองคำพุ่งขึ้นไปแล้ว 32% ในปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนและธนาคารกลางหลายแห่งเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง โดยธนาคารกลางอินเดียเข้าซื้อทองคำจากไอเอ็มเอฟจำนวน 200 ตัน มูลค่า 6.7 พันล้านดอลลาร์ในช่วงต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ธนาคารกลางมอริเชียสได้ซื้อทองคำ 2 ตันจากไอเอ็มเอฟ มูลค่าประมาณ 71.7 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ธนาคารกลางศรีลังกายังวางแผนเข้าซื้อทองคำด้วย
สภาทองคำโลก (World Gold Council : WGC) เปิดเผยว่า ดีมานด์ทองคำทั่วโลกในไตรมาส 3 ปีนี้พุ่งขึ้น 10% จากไตรมาส 2 แตะระดับ 800.3 เมตริกตัน เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในช่วงที่เศรษฐกิจโลกผันผวนและเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ โดยเฉพาะดีมานด์ทองคำในจีนที่พุ่งขึ้นแตะระดับ 120.2 ตัน