บิล กรอส ประธานบริหารแปซิฟิก อินเวสเมนท์ แมเนจเมนท์ (พิมโค) ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนพันธบัตรรายใหญ่สุดของโลก ได้เพิ่มการถือครองตราสารหนี้ที่ออกโดยหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐ (agency debt) เป็น 63% ซึ่งเป็นสัดส่วนสูงสุดที่สุดในรอบ 5 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนก.ค.2547
เว็บไซต์ของพิมโคระบุว่า กองทุนพิมโค โททัล รีเทิร์น ฟันด์ (PIMCO Total Return Fund) ของกรอสเพิ่มสัดส่วนการถือครองตราสารหนี้ที่ออกโดยหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐเป็น 1.926 แสนล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 63% จากเดิมที่ 48% แต่พิมโคได้ลดสถานะการลงทุนในตลาดจำนองลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2547
ทั้งนี้ กรอสประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐครั้งล่าสุดว่า สหรัฐยังคงมีความเสี่ยงในเชิงระบบ เนื่องจากภาวะฟองสบู่ด้านสินทรัพย์ครั้งใหม่ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0 - 0.25% ซึ่งทำให้กรอสเตือนว่า นักลงทุนควรเตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับสถานการณ์แบบ "new normal" หรือภาวะที่ประสิทธิภาพในการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลต่ำกว่าเป้าหมาย, อัตราการอุปโภคบริโภคต่ำ, อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ต่ำลง และภาวะที่เศรษฐกิจสหรัฐมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลกน้อยลง
"อัตราว่างงานที่ระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 10.2% จะยิ่งทำให้เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปจนกว่าตัวเลขจีดีพีสหรัฐจะขยายตัวได้อย่างน้อย 4-5% ในอีก 12 เดือนข้างหน้า แม้ในช่วงที่ผ่านมาทางการสหรัฐใช้นโยบายเชิงรุกในการกระตุ้นการจ้างงาน แต่อัตราว่างงานยังคงพุ่งขึ้นอย่างฉุดไม่อยู่ สถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้เฟดไม่มีทางออกใดๆ นอกจากคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำไปอีกระยะหนึ่ง" กรอสกล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์ก
อัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 10% ได้สร้างความผิดหวังให้กับประธานาธิบดีบารัค โอบามา และทำให้คณะทำงานของโอบามาเร่งทบทวนแผนกระตุ้นการจ้างโดยคาดว่าจะอัดฉีดเม็ดเงินเพิ่มเติมในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 7.87 แสนล้านดอลลาร์ โดยประเด็นอัตราว่างงานสร้างแรงกดดันให้กับรัฐบาลสหรัฐอย่างมาก แม้รัฐบาลได้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบการเงิน การลดหย่อนภาษี และการคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับต่ำแล้วก็ตาม