นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ท่าเรือแหลมฉบังเร่งตรวจสอบสาเหตุการรั่วไหลของสารฟอกขาวหรือโบรมีนในพื้นที่ เพื่อหาสาเหตุและความบกพร่องของฝ่ายใด คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้ หลังจากนั้นจะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณารายละเอียดทั้งหมด พร้อมหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการออกมาตรการเร่งด่วน 4 ข้อ คือ ประกาศเตือนภัยให้ประชาชนบริเวณใกล้เคียงรีบไปโรงพยาบาลเพื่อสังเกตอาการ หากเกิดอาการ วิงเวียนศีรษะ ไอ เจ็บคอ หายใจติดขัด เลือดกำเดาไหล การมองเห็นพร่ามัว มองเห็นไม่ชัด ประสานโรงพยาบาลเตรียมรับมือในกรณีฉุกเฉิน เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเรียกบริษัทที่ขนสินค้ามาชี้แจง และ การตรวจสอบความปลอดภัยทางน้ำ และตรวจสอบสารปนเปื้อนในน้ำทะเล โดยให้กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี (ขน.) ประสานไปยังกรมควบคุมมลพิษในการจัดการสารดังกล่าว
นอกจากนี้ ได้สั่งการให้ท่าเรือแหลมฉบังดูแลผู้บาดเจ็บอย่างใกล้ชิด รวมทั้งรับภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลไปก่อน จนกว่าจะได้ข้อสรุปว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความบกพร่อง ส่วนที่มีผู้เสียชีวิต นั้น ยืนยันว่าไม่ได้เกิดจากการรั่วไหลของสารฟอกขาว แต่เป็นการเสียชีวิตจากสาเหตุอื่น
นางสุนิดา สกุลรัตนะ รักษาการ ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย(กทท.) กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับรายงานว่าสาเหตุที่เกิดการรั่วไหลของสารฟอกขาวดังกล่าว เนื่องจากตู้สินค้าที่บรรจุสารดังกล่าวเกิดรอยแตก ส่งผลให้สารรั่วไหลออกจากตู้ และเกิดปฏิกิริยากลายเป็นควันขาวเมื่อกระทบอากาศภายนอก ซึ่งสารดังกล่าวถูกขนส่งมาเพื่อใช้ในอุตสาหกรรม โดยระเบียบของ กทท.กำหนดว่าสารดังกล่าวจะอยู่ภายในเขตท่าเรือได้ไม่เกิน 24 ชั่วโมง ซึ่งในขณะเกิดเหตุยังอยู่ในช่วงเวลาตามที่กำหนด
"เรื่องนี้ไม่ได้เกิดจากความประมาท แต่ถือเป็นอุบัติเหตุ ยืนยันว่าไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะขณะนั้นตู้สินค้าวางอยู่ในลาน ซึ่งมีพื้นที่กว้างถึง 6 พันไร่ และเมื่อเกิดควันลอยขึ้นมา เจ้าหน้าที่ได้สั่งห้ามรถเข้า-ออกในเขตท่าเรือทันที จึงเป็นไปไม่ได้ที่ชาวบ้านนอกเขตท่าเรือจะได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่อย่างนั้นเจ้าหน้าที่ท่าเรือแหลมฉบังคงได้รับบาดเจ็บกันหมดแล้ว" นางสุนิดา กล่าว
ด้านนายเฉลิมเกียรติ สลักคำ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง กล่าวว่า ขณะนี้ท่าเรือแหลมฉบับสามารถควบคุมการรั่วไหลของสารโซเดียมเปอร์ซัลเฟตได้แล้ว โดยผู้เชี่ยวชาญจากกรมควบคุมมลพิษ ได้สั่งให้เปิดตู้สินค้าที่บรรจุสารดังกล่าวเพื่อระบายความร้อน เพราะเกรงว่าอาจเกิดการระเบิด พร้อมสั่งให้พนักงานที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงเคลื่อนย้ายออกนอกพื้นที่
สำหรับสาเหตุการรั่วไหลเกิดจากมีแรงกระแทกในถุงอลูมิเนียมที่บรรจุในตู้สินค้าแตก และพื้นที่ดังกล่าวถือเป็นพื้นที่ปลอดภัย ซึ่งท่าเรือแหลมฉบังได้ตรวจสอบคุณภาพน้ำ และคุณภาพอากาศในพื้นที่เกิดเหตุ พบว่าในสภาพปลอดภัยเป็นปกติ โดยสารเคมีชนิดนี้สามารถระเหยไปในอากาศได้ในระยะเวลาไม่นาน