นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) ประจำเดือนพ.ย.ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์ที่ 4 ธ.ค.นี้ จะลดลง 120,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นสถิติที่ลดลงน้อยที่สุดในรอบ 2 ปี และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนพ.ย.จะยืนอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 10.2% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับในเดือนต.ค.
อัตราว่างงานประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 10% ส่งผลให้คณะทำงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามา เร่งทบทวนแผนกระตุ้นการจ้างงาน โดยคาดว่าจะอัดฉีดเม็ดเงินเพิ่มเติมในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 7.87 แสนล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ทีมงานเศรษฐกิจของโอบามายังพิจารณาเพิ่มอัตราการไหลเวียนของเงินลงทุนในธุรกิจขนาดเล็ก โดยโอบามาได้แสดงความวิตกกังวลต่อภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานของสหรัฐ แม้รัฐบาลได้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบการเงิน การลดหย่อนภาษี และการคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับต่ำแล้วก็ตาม
นายโรเบิร์ต โซเอลลิก ประธานธนาคารโลกกล่าวว่า ธนาคารพาณิชย์ทั่วโลกกำลังเผชิญกับความเสี่ยงครั้งใหม่เนื่องจากอัตราว่างงานทั่วโลกที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ซึ่งอาจทำให้ผู้บริโภคประสบความยากลำบากมากขึ้นในการชำระคืนเงินกู้