นายดุสิต นนทะนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยภายหลังนำสมุดปกขาวยุทธศาสตร์พัฒนาเศรษฐกิจฉบับเอกชนมอบให้กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีว่า นายกรัฐมนตรีรับที่จะนำแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวไปดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะถือว่าสอดรับกับแนวทางการพัฒนาประเทศ ทั้งแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับที่ 11 ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.), คณะกรรมการนโยบายบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ(กนจ.) รวมทั้งยังสอดรับกับแผนปฎิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ด้วย
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังเชื่อว่าจะทำให้การพัฒนาทิศทางของประเทศมั่นคงและยั่งยืนได้ เพราะมีแผนปฏิบัติที่ชัดเจนว่ามีกลุ่มสินค้าใดบ้างที่ต้องพัฒนาในอนาคต หรือกลุ่มสินค้าใดบ้างที่ต้องยกเลิกไปแบบมีกระบวนการ และที่สำคัญจะทำให้ไทยสามารถรองรับการก้าวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 58 ได้
นอกจากนี้ ภาคเอกชนยังให้ความสำคัญไปที่การตรวจสอบนโยบายของรัฐบาลด้วย เพื่อสะท้อนปัญหาต่างๆ ให้รัฐบาลรับทราบว่านโยบายของรัฐบาลนั้นมีผลอย่างไร โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้นำร่างยุทธศาสตร์นี้เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน(กรอ.)ในสัปดาห์หน้า เพื่อให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนกลุ่มอื่นได้พิจารณาแผนยุทธศาสตร์ครั้งนี้ด้วย
นายดุสิต กล่าวว่า หอการค้าไทยจะทำงานร่วมกับ สศช.ให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในขณะที่ สศช.อยู่ระหว่างจัดทำแผนฯฉบับที่ 11 เพราะหอการค้าไทยมีความชำนาญกับเศรษฐกิจในระดับจุลภาค ในขณะที่ สศช.จัดทำแผนเศรษฐกิจระดับมหภาคที่เป็นภาพรวมทั้งประเทศ ซึ่งหากนำมาหลอมรวมเข้าด้วยกันจะทำให้แนวทางการพัฒนาประเทศไทยในอนาคตมีประสิทธิภาพและชัดเจนมากยิ่งขึ้น
สำหรับสมุดปกขาวมี 6 ยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจไทย ประกอบด้วย 1.การปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ 2.การเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน 3.การพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ 4.การส่งเสริมจริยธรรมและธรรมาภิบาล 5.การรักษาสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิต และ 6.การป้องกันและเฝ้าระวังปัญหา ซึ่งยุทธศาสตร์เหล่านี้จะนำมาใช้ภายใต้ 7 กลุ่มธุรกิจ ใน 18 กลุ่มภูมิภาค ประกอบด้วย ท่องเที่ยว, บริการสุขภาพ, ค้าชายแดน, เกษตรและอาหาร, สิ่งทอ, อัญมณี และอสังหาริมทรัพย์