นายลี ชอ กี มหาเศรษฐีนักลงทุนชาวฮ่องกงและประธานบริษัท เฮนเดอร์สัน แลนด์ ดิเวลล็อปเมนท์ คาดการณ์ว่า ราคาบ้านในฮ่องกงจะพุ่งขึ้นอีก 10% ในปีหน้า พร้อมกับวางแผนทุ่มเงิน 1 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ จะลงทุนอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกงในโครงการอู๋ ข่าย ชา ซึ่งเป็นโครงการที่ดินระดับพรีเมียม
เมื่อไม่นานมานี้ นายลีเทขายหุ้นจำนวนมากถึง 30% ในตลาดหุ้นฮ่องกง และซื้ออสังหาริมทรัพย์เป็นวงเงินสูงถึง 5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าความพยายามของรัฐบาลฮ่องกงที่จะสกัดความร้อนแรงของราคาบ้านอาจไม่ได้ผล โดยนายลีเปิดเผยว่าเฮนเดอร์สัน แลนด์ ดิเวลล็อปเมนท์ ของเขา และบริษัท นิวเวิลด์ ดิเวลลอปเมนท์ ซึ่งเป็นบริษัทคู่ค้า จะทุ่มงบประมาณในโครงการสร้างที่พักอาศัยมูลค่า 9.6 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 1.24 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ เฮนเดอร์สันยังลงทุนอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกงซื้อโครงสร้างอาคารเก่าเพื่อนำมาพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัย
ราคาบ้านที่พุ่งขึ้นกว่า 30% ในฮ่องกงส่งผลให้ประชาชนร้องเรียนเรื่องต้นทุนการซื้อบ้าน ซึ่งสร้างแรงกดดันให้กับรัฐบาลในการทบทวนกฏหมายพัฒนาอสังหาริมทรัพย์บนเกาะฮ่องกง
ข้อมูลของ Colliers International บ่งชี้ว่า ราคาบ้านระดับหรูหราในฮ่องกงพุ่งขึ้น 28% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ขณะที่รัฐบาลฮ่องกงพยายามสกัดกั้นความร้อนแรงของราคาบ้านด้วยการออกกฏหมายการดาวน์บ้านหรูหราที่เข้มงวดมากขึ้น รวมทั้งประกาศยกเลิกการประกันเงินกู้จำนองสำหรับอสังหาริมทรัพย์เพื่อาการเช่าซื้อ โดยนายโดนัลด์ ซัง ประธานเขตปกครองพิเศษฮ่องกงได้แสดงความวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่งต่อภาวะฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังก่อตัวขึ้นในฮ่องกง
นายลี ชอ กี ติดอันดับ 3 ในฐานะบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดของฮ่องกงจากการจัดอับดับของนิตยสารฟอร์บส์ที่ตีพิมพ์เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา โดยเขามีสินทรัพย์ประมาณ 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองจากนายลี คา ชิง และครอบครัวคว็อคซึ่งเป็นเจ้าของบริษัท ซัน ฮุง ไก พร็อพเพอร์ตีส์