นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.52 อยู่ที่ 69.1 ดีขึ้นจากเดือนต.ค.ซึ่งอยู่ที่ระดับ 68.0 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการหางานทำ อยู่ที่ 67.8 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 92.6
สำหรับปัจจัยบวกที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนพ.ย. ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนต.ค. เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/52 อยู่ที่ -2.8% ซึ่งถือว่าติดลบน้อยลงจากประมาณการครั้งก่อน ทำให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้น, เงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้น, ราคาน้ำมันเบนซินในประเทศทรงตัว และงบประมาณภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งเริ่มลงไปสู่ระบบอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ยังมีปัจจัยลบที่สำคัญ คือ ผู้บริโภคยังกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ, ปัญหาโครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดที่ถูกคำสั่งศาลให้ระงับชั่วคราว, ยอดการส่งออกของไทยในเดือน พ.ย.52 ที่แม้จะปรับตัวดีขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ติดลบ, ปัญหาเศรษฐกิจโลกจากกรณีที่เวียดนามลดค่าเงินดอง และปัญหาการขาดสภาพคล่องของดูไบเวิลด์ รวมทั้งความกังวลต่อราคาสินค้าและค่าครองชีพที่ยังไม่สอดคล้องกับรายรับ เป็นต้น