นายวิกรม บัณฑิต ซีอีโอซิตี้กรุ๊ป กำลังกดดันกระทรวงการคลังและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐให้ยอมตกลงเรื่องแผนการชำระเงินคืนให้กับรัฐบาล เพื่อให้ซิตี้กรุ๊ปเป็นอิสระจากเงื่อนไขของโครงการลดสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (TARP) โดยนายบัณฑิตต้องการให้รัฐบาลสหรัฐและซิตี้กรุ๊ปสามารถตกลงกันได้ภายในสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้า ซึ่งความพยายามของนายบัณฑิตมีขึ้นหลังจากรัฐบาลสหรัฐอนุมัติให้แบงก์ ออฟ อเมริกา จ่ายเงินคืนโครงการ TARP มูลค่า 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ซิตี้กรุ๊ปพยายามหลีกเลี่ยงการเป็นธนาคารยักษ์ใหญ่เพียงแห่งเดียวที่อยู่ในโครงการ TARP ซึ่งเป็นโครงการที่รัฐบาลนำเงินภาษีราษฎรมาใช้อุ้มบริษัทเอกชนที่ประสบปัญหาด้านการเงิน รวมถึงอเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (เอไอจี) และเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) โดยซิตี้กรุ๊ปมองว่าเงื่อนไขของโครงการ TARP อาจทำให้ซิตี้กรุ๊ปถูกจำกัดด้านการใช้เงินและทำให้ล้าหลังคู่แข่งรายอื่นๆในวอลล์สตรีท
ด้านนายแอนดรูว์ วิลเลียมส์ โฆษกกระทรวงการคลังสหรัฐกล่าวว่า "เราไม่ขอออกความคิดเห็นในเรื่องนี้ แต่เราเข้าใจดีว่านับตั้งแต่แบงก์ ออฟ อเมริกา ดิ้นรนระดมทุนเพื่อชำระเงินคืนโครงการ TARP ก็ทำให้มีสถาบันการเงินรายอื่นๆออกมาเคลื่อนไหวเพื่อขอชำระเงินคืนบ้าง เรายังคงเชื่อว่าระบบการเงินและการธนาคารของสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง"
นายบัณฑิตกล่าวไว้เมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมาว่า ซิตี้กรุ๊ปจะพยายามชำระเงินคืนโครงการ TARP ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังจากซิตี้กรุ๊ป สถาบันการเงินที่รัฐบาลสหรัฐถือหุ้นอยู่ 34% เปิดเผยผลกำไรไตรมาส 3 ที่ระดับ 101 ล้านดอลลาร์ สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะขาดทุน และแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่ขาดทุน 2.82 พันล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ก็เพราะซิตี้กรุ๊ปตั้งสำรองบัญชีเงินกู้หนี้สูญจำนวนน้อยที่สุดในรอบ 2 ปี
ทั้งนี้ นายบัณฑิตกล่าวว่า ซิตี้กรุ๊ปได้ตั้งสำรองบัญชีเงินกู้หนี้สูญในไตรมาส 3 มูลค่า 802 ล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าที่นายเดวิด โทรน นักวิเคราะห์จากบริษัท ฟ็อกซ์-พิทท์ เคลตัน คาดการณ์ไว้ราว 76% โดยผลประกอบการของซิตี้กรุ๊ปเริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังจากขาดทุนทุกไตรมาสนับตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งสถิติที่ขาดทุนหนักสุดคือ 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี