ผลสำรวจชี้จีนเป็นตลาดสำคัญในการสร้างเม็ดเงินรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการสหรัฐ ขณะที่หลายบริษัทในแดนลุงแซมเริ่มหันมาลงทุนในตลาดแดนมังกรมากกว่าที่จะใช้เป็นฐานการผลิตสินค้าสำหรับส่งออกอย่างแต่ก่อน
รายงานประจำปีเรื่องธุรกิจสหรัฐในประเทศจีนที่จัดทำโดยสภาหอการค้าอเมริกันระบุว่า 2 ใน 3 ของบริษัทที่ทำการสำรวจกว่า 300 แห่งมองว่า ส่วนต่างผลกำไรในปี 2552 จะทรงตัวหรือไม่ก็ปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่ารายได้การดำเนินธุรกิจจะลดลง ขณะที่ส่วนใหญ่คาดว่าบริษัทจะมีกำไรหรือทำกำไรได้อย่างมหาศาล
นอกจากนี้ เกือบ 60% กล่าวว่า การทำธุรกิจในตลาดจีนส่วนใหญ่ค่อนข้างไปได้สวย ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากระดับ 39% เมื่อเทียบกับการสำรวจในปีที่แล้ว และบริษัทส่วนใหญ่มีแผนเพิ่มการลงทุนกับจีนในปีหน้า ซึ่ง 75% ยกให้จีนเป็นหนึ่งในสามของตลาดสำคัญระดับโลก
ขณะเดียวกัน บริษัทข้ามชาติยังต้องการขยายการลงทุนในจีนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของภาคเอกชนที่ทำการสำรวจมองว่า จีนคือตลาดที่สามารถตอบสนองความต้องการในการขยายธุรกิจ ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา
ทั้งนี้ จีนมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่สดใสด้วยตัวเลขการเติบโตของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาส 3 ของปีนี้ที่ระดับ 8.9%
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางมุมมองของภาคเอกชนที่มีต่อจีนในแง่บวกนั้น ยังมีประเทศคู่ค้าของจีนบางส่วนติงเรื่องนโยบายควบคุมค่าเงินหยวน ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการในประเทศคู่ค้าเสียเปรียบทางการค้า แต่นักวิเคราะห์บางรายมองว่า บริษัทข้ามชาติจะได้ประโยชน์ในส่วนของต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบราคาถูกและสามารถส่งสินค้าออกไปยังตลาดจีนได้มากขึ้น