นายวิจักร วิเศษน้อย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เปิดเผยว่า กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะที่ดูแลและบริหารกองทุน FTA สำหรับเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า มีความพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว โดยขณะนี้มีงบประมาณที่จะให้ความช่วยเหลือในปี 2553 จำนวน 75 ล้านบาท
ดังนั้น หากกลุ่มเกษตรกร กลุ่มผู้ผลิต และกลุ่มผู้ประกอบการ ในสินค้าเกษตรอุตสาหกรรม สินค้าอุตสาหกรรม และสินค้าบริการ ที่ได้รับผลกระทบจาก AFTA ต้องการขอรับความช่วยเหลือสามารถเสนอโครงการขอรับความช่วยเหลือในรูปของการศึกษา วิจัยและพัฒนา การจัดหาที่ปรึกษาเพื่อช่วยเหลือในการปรับปรุงธุรกิจ การฝึกอบรมอาชีพใหม่ให้กับคนงาน กิจกรรมที่มีผลโดยรวมต่อการสนับสนุนการบริโภคการตลาด ฯลฯ ในภาคการผลิตหรือภาคบริการนั้นๆ และการจัดอบรมเสริมสร้างให้ผู้ผลิต/ผู้ประกอบการ/คนงาน มีความรู้เพื่อการปรับตัว เ ป็นต้น
นายวิจักร กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมากรมฯได้ให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบไปแล้ว จำนวน 18 โครงการ วงเงิน 139 ล้านบาท ได้แก่ สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องหนัง ปลาป่น โคเนื้อ ปลาน้ำจืด ส้ม ลิ้นจี่ ยาแผนปัจจุบัน ยาสมุนไพร ร้านอาหารไทย อาหารโคนม เป็นต้น ดังนั้น หากกลุ่มเกษตรกร กลุ่มผู้ผลิต หรือกลุ่มผู้ประกอบการ ที่ได้รับผลกระทบจาก AFTA และมีความประสงค์ที่จะเสนอโครงการเพื่อขอรับความช่วยเหลือจากกองทุน FTA สามารถยื่นโครงการเพื่อขอรับความช่วยเหลือได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
อนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 เป็นต้นไป ตามพันธกรณีภายใต้ข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน หรือ AFTA ไทยต้องยกเลิกโควตาสินค้าเกษตรที่ผูกพันไว้กับ WTO จำนวน 23 รายการและต้องลดภาษีสินค้าลงเหลือร้อยละ 0 ซึ่ง จากการลดภาษีดังกล่าวจะมีผลทั้งด้านบวกและด้านลบต่อเกษตรกร ผู้ผลิต และผู้ประกอบการของไทย