ยอดการใช้จ่ายผู้บริโภคและยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐในเดือนพ.ย. มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น หลังภาคครัวเรือนเริ่มจับจ่ายใช้สอยสินค้าที่ลดราคาในช่วงวันหยุดมากยิ่งขึ้น
โดยในวันนี้สหรัฐเตรียมรายงานยอดการใช้จ่ายผู้บริโภค รายได้ผู้บริโภค และยอดขายบ้านใหม่ประจำเดือนพ.ย. ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่ายอดการใช้จ่ายผู้บริโภคจะขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ในอัตรา 0.7% ขณะที่รายได้จะขยายตัว 0.5% ส่วนยอดขายบ้านใหม่จะเพิ่มขึ้น 1.9% แตะที่ 438,000 ยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2551
ทั้งนี้ ผู้ค้าปลีกหลายรายต่างปรับลดราคาสินค้าบางประเภทเพื่อช่วยให้ชาวสหรัฐสามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์เลวร้ายในตลาดแรงงานและปัญหาการถูกยึดบ้านหลุดจำนองที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเบสท์ บาย ผู้ค้าปลีกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่สุดของสหรัฐที่ประกาศลดราคาคอมพิวเตอร์และทีวีจอแบบเพื่อดึงดูดลูกค้า ซึ่งยอดขายที่ขยายตัวบ่งชี้ว่าผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะนำเงินมาจับจ่ายใช้สอยมากกว่าที่จะเก็บออมไว้ ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจสามารถขยายตัวได้ในอนาคต
นอกจากนี้ สถานการณ์ในตลาดค้าปลีกยังสดใสสอดคล้องกับภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งดีลเลอร์หลายรายเริ่มเล็งห็นถึงการขยายตัวของอุปสงค์ที่ดำเนินมาได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่ามาตรการนำรถเก่าแลกซื้อรถใหม่ของรัฐบาลจะหมดอายุลง โดยยอดขายรถยนต์และรถบรรทุกขนาดเล็กในเดือนที่ผ่านมาขยายตัวขึ้นแตะ 10.9 ล้านคัน จากระดับ 10.5 ล้านคันในเดือนต.ค.
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในตลาดแรงงานยังคงเผชิญกับอุปสรรค ซึ่งขณะนี้ชาวมียอดชาวสหรัฐตกงานทั้งสิ้น 7.2 ล้านราย นับตั้งแต่สหรัฐเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในเดือนธ.ค.2550 และนักวิเคราะห์คาดว่าอัตราว่างงานจะพุ่งสูงกว่า 10% ในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า โดยในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐลดลง 11,000 ตำแหน่ง