จีนเตรียมศึกษาวิธีตรวจสอบความเสี่ยงในระบบการเงินที่รัดกุมมากขึ้น มุ่งคลี่คลายกระแสความวิตกกังวลต่อภาวะฟองสบู่ในประเทศ หลังยอดปล่อยเงินกู้ของจีนในปีนี้พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์
โดยธนาคารกลางจีนจะเริ่มศึกษาถึงการกำหนดระบบบริหารจัดการตลาดเงินอย่างรัดกุมและรอบคอบ โดยมีเป้าหมายที่จะป้องกันความเสี่ยงและสร้างความมั่นใจในระบบการเงิน ซึ่งความเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งในความพยายามของจีนที่จะสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับที่สหรัฐและยุโรปที่กำหนดมาตรการรับมือกับควันหลงจากวิกฤตการเงินในขณะนี้
ความเคลื่อนไหวของจีนในครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่กำกับดูแลด้านตลาดเงินตรวจสอบความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในสถาบันการเงิน อันจะเป็นภัยคุกคามอุตสาหกรรมโดยรวม ขณะที่ธนาคารกลางย้ำว่าจะควบคุมการออกเงินกู้อย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้เกิดภาวะสภาพคล่องล้นตลาด
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ธนาคารพาณิชย์ของจีนส่วนใหญ่มีสินทรัพย์ที่เกี่ยวโยงกับหลักทรัพย์จำนองซึ่งเป็นภัยคุกคามระบบการเงินของสหรัฐ และการที่จีนมียอดปล่อยเงินกู้ที่พุ่งสูงในปีนี้ยังสร้างความเสี่ยงภายในประเทศ ซึ่งฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ออกโรงเตือนธนาคารพาณิชย์ในจีนว่า อาจเผชิญความเสี่ยงด้านเงินทุนในภาคธุรกิจธนาคาร เนื่องจากผู้ปล่อยกู้หลายรายทำธุรกรรมเปิดบัญชีประเภทต่างๆที่เปิดช่องให้มีการขยายตัวของเงินกู้มากขึ้น
ทั้งนี้ ธนาคารกลางกล่าวว่าจะดำเนินการดูแลด้านการขยายตัวของเงินทุนและเงินกู้ รวมถึงแนะนำให้สถาบันการเงินต่างๆปล่อยเงินกู้ให้สอดคล้องกับดุลบัญชีของธนาคารและหลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมที่มีความเสี่ยงสูง