นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในย่านวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า ราคาบ้านใน 20 เมืองใหญ่ของสหรัฐจะลดลง 7.2% ต่อปี แต่เป็นสถิติที่ลดลงน้อยที่สุดในรอบ 2 ปี และคาดว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะดีดตัวขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปี 2553
หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท เฮอร์มานน์ ฟอร์คาสติ้ง ในมลรัฐนิวเจอร์ซี กล่าวว่า การที่ราคาบ้านร่วงลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาทำให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีเสถียรภาพมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ ตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนของสหรัฐ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 70 ของระบบเศรษฐกิจ เริ่มปรับตัวสูงขึ้น และตลาดหุ้นสหรัฐก็ทะยานขึ้นไปยืนเหนือระดับ 10,000 จุดในขณะนี้
ทั้งนี้ เอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์จะเปิดเผยราคาบ้านใน 20 เมืองใหญ่ของสหรัฐ ในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย ขณะที่สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ จะรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในคืนนี้เช่นกัน โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ดัชนีจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 53 จุดในเดือนธ.ค. จากเดือนพ.ย.ที่ระดับ 49.5 จุด เนื่องจากอัตราว่างงานเดือนพ.ย.ปรับตัวลดลงแตะระดับ 10% ซึ่งช่วยให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในการจับจ่ายมากขึ้น
สมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย.ในสหรัฐพุ่งขึ้น 7.4% แตะระดับ 6.54 ล้านยูนิต มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.5% บ่งชี้ว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐฟื้นตัวขึ้นรวดเร็วกว่าที่ประมาณการไว้ในเบื้องต้น