ฝ่ายวิจัยธุรกิจ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(EXIM BANK) แนะผู้ส่งออกเร่งขยายตลาดใหม่ในเอเชียและออสเตรเลียในปี 53 เพื่อเสริมตลาดหลักทั้งสหรัฐ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ที่เศรษฐกิจยังมีความเปราะบาง พร้อมทั้งใช้ประโยชน์จากการที่รัฐบาลได้ทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี(FTAs) กับประเทศต่างๆ โดยเชื่อว่าการส่งออกปีหน้าจะกลับมาขยายตัวที่ระดับ 10-15%
"การเร่งรุกขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียซึ่งเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวดีทดแทนตลาดหลักที่เศรษฐกิจยังคงเปราะบาง การใช้ประโยชน์จาก FTAs พร้อมกับเตรียมตัวรับมือกับปัจจัยบั่นทอนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพในการใช้พลังงานเพื่อรับมือกับราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้น" เอกสารเผยแพร่ ระบุ
สำหรับการส่งออกในปีนี้ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่เริ่มก่อตัวขึ้นตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 51 ทำให้มูลค่าส่งออกหดตัวอย่างรุนแรงตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 51 ต่อเนื่องมาจนถึงไตรมาสสามของปี 52 และเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจนขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี 52
โดยปัจจัยลบต่อการส่งออกในปี 53 ได้แก่ เศรษฐกิจประเทศตลาดหลักทั้งสหรัฐ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ยังคงเปราะบาง แม้จะเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวให้เห็นบ้าง แต่เป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลประเทศเหล่านั้น ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจยังคงอ่อนแอ โดยเฉพาะปัญหาการว่างงานและหนี้สินภาคครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่าเศรษฐกิจตลาดหลักจะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป
ส่วนเรื่องเงินบาทแข็งค่ายังคงเป็นปัญหาต่อเนื่องจากปี 52 โดยมีสาเหตุหลักมาจากกระแสการเคลื่อนย้ายเงินทุนจากสินทรัพย์ที่อยู่ในรูปดอลลาร์สหรัฐซึ่งมีแนวโน้มอ่อนค่าเข้ามาลงทุนในภูมิภาคเอเชียรวมถึงไทย เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของเอเชียมีแนวโน้มฟื้นตัวเร็วกว่าภูมิภาคอื่นๆ
สำหรับราคาน้ำมันยังมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน ทั้งจากความต้องการน้ำมันที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะความต้องการน้ำมันในจีนตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว รวมถึงปัจจัยด้านการเก็งกำไรของนักลงทุนในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ขณะที่ประสิทธิภาพในการใช้พลังงานของไทยยังอยู่ในระดับต่ำ
ขณะที่ปัจจัยบวก ได้แก่ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะจีน อินเดีย และออสเตรเลีย ซึ่งช่วยให้การส่งออกของไทยไปยังตลาดดังกล่าวฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 53.9% ในปี 51 เป็น 55.9% ในช่วง 11 เดือนแรกปี 52
"เศรษฐกิจประเทศในเอเชียจะขยายตัวอย่างแข็งแกร่งอีกครั้งในปี 2553 ตรงข้ามกับตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ EU และญี่ปุ่นที่การฟื้นตัวยังคงเปราะบาง ดังนั้นผู้ส่งออกไทยควรหันมาให้ความสำคัญกับตลาดในภูมิภาคมากขึ้น" เอกสารเผยแพร่ ระบุ
การเปิดเสรีการค้าระหว่างประเทศในปี 53 จะมีความเคลื่อนไหวสำคัญ ได้แก่ เขตการค้าเสรีอาเซียน(AFTA) และเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน(ACFTA) ที่จะมีผลบังคับในวันที่ 1 ม.ค.53
ราคาสินค้าเกษตรมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากปัจจัยพื้นฐานด้านผลผลิตในตลาดโลกที่มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากเกิดโรคระบาดในพืชและภัยธรรมชาติในประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตรที่สำคัญของโลก เช่น อินเดีย และออสเตรเลีย ทำให้สินค้าเกษตรมีแนวโน้มขาดแคลน รวมถึงการเก็งกำไรของนักลงทุนในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ตามการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ