นักวิเคราะห์คาดดีมานด์พลาตินัมพุ่งแซงหน้าทองคำเมื่ออุตสาหกรรมรถทั่วโลกฟื้นตัว

ข่าวต่างประเทศ Monday January 25, 2010 11:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิเคราะห์จากบริษัท คอมโมดิตี้ โบรกกิ้ง เซอร์วิสเซส ในออสเตรเลีย กล่าวว่า พลาตินัมกำลังกลายเป็นโลหะมีค่าที่จะมีดีมานด์สูงกว่าทองคำในช่วงที่อุตสาหกรรมทั่วโลกขยายตัวขึ้น เนื่องจากพลาตินัมมีราคาถูกลง โดยพลาตินัมน้ำหนัก 1 ออนซ์ สามารถซื้อทองคำได้ 1.42 ออนซ์ ลดลง 42% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้เมื่อปี 2544 ที่ 2.43 ออนซ์ และยังเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่ากว่าระดับเฉลี่ย 10 ปี 23%

นักวิเคราะห์จากยูเอส โกลบอล อินเวสเตอร์ส เชื่อว่า อุตสาหกรรมรถยนต์ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ซื้อรายใหญ่สุด มีแนวโน้มขยายตัว 20% ในปีนี้ โดยในปี 2552 กลุ่มเฮดจ์ฟันด์เข้าเทรดสัญญาพลาตินัมในสัดส่วน 163% สุงกว่าที่เข้าเทรดในสัญญาทองคำถึง 2 เท่า นอกจากนี้ กองทุนอีทีเอฟ ซิเคียวริตีส์ ยังเพิ่มการถือครองพลาตินัมมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ถึง 594,465 ออนซ์

ด้านนักวิเคราะห์ของแบงค์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาพลาตินัมในปี 2553 อีก 35% สู่ระดับเฉลี่ย 1,750 ดอลลาร์ และคาดว่าราคาจะพุ่งขึ้นแตะ 2,000 ดอลลาร์ในปี 2554 ขณะที่นักวิเคราะห์จากสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด คาดว่าพลาตินัมจะเป็นหนึ่งในสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุด

ข้อมูลของสภาทองคำโลกระบุว่า อุตสาหกรรมรถยนต์ซื้อพลาตินัมไปใช้ในการผลิต catalytic converter ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยลดมลภาวะจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ โดยอุตสาหกรรมรถยนต์ใช้พลาตินัมในสัดส่วน 70% และใช้ทองคำในสัดส่วน 11%

ศูนย์วิจัยยานยนต์ของสหรัฐในรัฐมิชิแกน คาดการณ์ว่า ยอดขายรถยนต์ในสหรัฐจะขยายตัว 20% แตะที่ 12.4 ล้านคันในปี 2552 และคาดว่ายอดขายรถยนต์ในจีนจะพุ่งขึ้นแตะ 15 ล้านคันในปี 2553

เมื่อวันศุกร์ที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา สัญญาพลาตินัมซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดลอนดอน อยู่ที่ระดับ 1,549 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 33% จากระดับสูงสุดที่ทำไว้ในเดือนมี.ค.2552


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ