กระทรวงพาณิชย์ เตรียมเสนอคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.) พิจารณาปรับหลักเกณฑ์การกำหนดราคาประกันข้าวเปลือกนาปีสำหรับเกษตรกรภาคใต้ เนื่องจากเห็นใจที่มีต้นทุนค่าขนส่งแพงกว่าภาคอื่น หลังเกิดปัญหาความไม่พอใจที่ราคาประกันรายได้ต่ำกว่าราคารับจำนำในอดีต
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการกำหนดเกณฑ์การอ้างอิงในการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว มีมติเสนอให้ กขช.พิจารณาปรับหลักเกณฑ์การกำหนดราคาประกันข้าวเปลือกนาปีสำหรับเกษตรกรภาคใต้ที่กำลังมีข้าวเปลือกทยอยออกมาในช่วงเดือน ก.พ.นี้ โดยพิจารณาให้เพิ่มต้นทุนด้านการผลิต การขนส่งให้แก่เกษตรกรภาคใต้ที่สูงกว่าภาคอื่น โดยมีต้นทุนอยู่ที่ตันละ 500-1,200 บาท ซึ่งทำให้ราคาอ้างอิงของภาคใต้สูงกว่าข้าวภาคอื่น แต่ต้องรอ กขช.อนุมัติ ซึ่งจะประชุมภายในสัปดาห์หน้า
สำหรับเกณฑ์ราคาอ้างอิงที่ใช้เป็นเกณฑ์จ่ายชดเชยส่วนต่างราคาข้าวให้กับเกษตรกรช่วงวันที่ 1-15 ก.พ.53 ที่ได้ประกาศไปแล้วนั้น นายกรัฐมนตรีต้องการให้คณะอนุกรรมการทบทวนเกณฑ์ราคาอ้างอิงใหม่เป็น 2 ช่วง โดยช่วงแรกข้าวเปลือกนาปีจะจ่ายชดเชยเฉพาะข้าวเจ้า 5% ตันละ 7 บาท จากราคาอ้างอิง 9,993 บาท และข้าวเปลือกหอมมะลิชดเชยตันละ 385 บาท จากราคาอ้างอิงตันละ 14,915 บาท ส่วนราคาอ้างอิงข้าวเปลือกปทุมธานีอยู่ที่ตันละ 12,004 บาท ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 11,511 บาท และข้าวเปลือกหอมจังหวัด ตันละ 14,359 บาท ซึ่งทั้ง 3 ชนิดไม่ต้องจ่ายชดเชย เพราะราคาอ้างอิงสูงกว่าราคาประกันมาก
ส่วนราคาอ้างอิงข้าวเปลือกนาปรังจากโครงการประกันรายได้เกษตรกรรอบ 2 ที่ประกาศไปเมื่อวันที่ 1-15 ก.พ.53 จะยกเลิกก่อน เพราะระยะเวลาการประกาศราคาอ้างอิงนาปีกับนาปรังอยู่ภายในเดือนเดียวกัน และยังมีข้าวนาปีเหลือในบางส่วนด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีเกรงว่าอาจทำให้เกษตรกรเกิดความสับสนในการประกาศราคาอ้างอิง อีกทั้งขณะนี้ยังมีเกษตรกรผ่านการทำประชาคมและลงทะเบียนเป็นจำนวนน้อยอยู่