มาร์ค ฟาเบอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนชื่อดังระดับโลกกล่าวว่า เศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลงในปีนี้และเสี่ยงต่อการเผชิญภาวะฟองสบู่แตก ซึ่งปัญหาดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อราคาในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตสินค้าภาคอุตสาหกรรม
โดยฟาเบอร์กล่าวว่า ขณะนี้จีนกำลังอยู่ในภาวะที่มีสภาพคล่องส่วนเกินสูง หลังตัวเลขผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมาขยายตัวในระดับ 10.7% จากปีก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2553 ส่วนยอดการปล่อยเงินกู้ในเดือนม.ค.พุ่งแตะที่ 1.39 ล้านล้านหยวน (2.03 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) และสูงกว่ายอดรวมการปล่อยเงินกู้ตลอด 3 เดือนก่อนหน้านี้ เนื่องจากราคาอสังหาริมทรัพย์ใน 70 เมืองทะยานขึ้น 9.5% จากปีก่อน
ทั้งนี้ ฟาเบอร์เชื่อว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จีนจะเกิดภาวะฟองสบู่แตกท่ามกลางภาวะที่กำลังการผลิตล้นตลาด ขณะที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้จะปรับตัวลดลง และเมื่อถึงเวลาที่ตลาดสินเชื่อเริ่มชะลอตัว ตนก็ยังมองไม่ออกว่าเศรษฐกิจจะมีปฏิกริยาต่อสถานการณ์ดังกล่าวอย่างไร
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่พุ่งสูงขึ้น 1.5% จากปีก่อนหน้านี้ ซึ่งทำสถิติปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน แต่การขยายตัวดังกล่าวน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะทะยานขึ้น 2.1%
ด้านโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนกล่าวว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายจำเป็นต้องจับตาความเคลื่อนไหวด้านเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด ขณะที่มีความเป็นไปได้ว่าจีนอาจขึ้นดอกเบี้ยก่อนถึงสิ้นเดือนมี.ค.นี้ หลังจากที่ได้นำร่องใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินด้วยการขึ้นเพดานกันสำรองเงินสดไปเมื่อเดือนที่ผ่านมา ท่ามกลางการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่รวดเร็ว