สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 ก.พ.) โดยราคาสัญญาทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 สัปดาห์ อันเนื่องมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่ายอดขาดดุลงบประมาณที่เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงของกรีซอาจกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าถือครองทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่ามหาเศรษฐีจอร์จ โซรอส เข้าถือครองหุ้นในกองทุนทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลกเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 1,120.10 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 30.00 เซนต์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,111.90-1,128.70 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 16.098 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 5.00 เซนต์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 1,537.10 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 60.00 เซนต์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 438.00 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 5.55 ดอลลาร์
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับหนี้สาธารณะและยอดขาดดุลงบประมาณของกรีซทำให้นักลงทุนมองว่าทองคำเป็นการลงทุนที่ปลอดความเสี่ยงมากที่สุดในยามที่เศรษฐกิจทั่วโลกยังผันผวน
นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้แรงหนุนจากรายงานของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC)ที่ระบุว่า ณ วันที่ 31 ธ.ค.2552 กองทุนโซรอส ฟันด์ เมเนจเมนท์ แอลแอลซี ของมหาเศรษฐีโซรอส ถือครองหุ้นในกองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก กว่า 6.178 ล้านหุ้น เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลา ณ วันที่ 30 ก.ย.2552 ที่ระดับ 2.45 ล้านหุ้น ทำให้โซรอสก้าวขึ้นเป็นนักลงทุนรายใหญ่ในกองทุนทองคำแห่งนี้
สภาทองคำโลก (WGC) เปิดเผยว่า ดีมานด์ทองคำทั่วโลกปรับตัวลดลง 11% แตะ 3,385.8 เมตริกตันในปี 2552 เทียบกับระดับ 3,305.7 เมตริกตันในปี 2551 เนื่องจากตลาดเครื่องประดับอัญมณีและภาคอุตสาหกรรมมีความต้องการใช้ทองคำน้อยลง โดยปริมาณการใช้ทองคำในกลุ่มผู้ผลิตเครื่องประดับอัญมณีร่วงลง 20% แตะ 1,747.3 เมตริกตัน และการใช้ทองคำในภาคอุตสาหกรรมลดลง 16% แตะ 367.6 เมตริกตัน
อย่างไรก็ดีปี 2552 นับเป็นปีที่สองติดต่อกันที่ดีมานด์ทองคำมีมูลค่าเหนือระดับ 1 แสนล้านดอลลาร์ เนื่องด้วยราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างแข็งแกร่ง