VinaSecurities Joint-Stock Co ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนรายใหญ่สุดของเวียดนาม เปิดเผยว่า ทุนสำรองเงินต่างประเทศตลอดปีพ.ศ.2552 ของเวียดนามร่วงลง 35% แตะที่ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2551 ซึ่งสร้างความวิตกกังวลให้กับรัฐบาลเป็นอย่างยิ่ง
รัฐบาลเวียดนามพยายามเพิ่มสัดส่วนการถือครองสกุลเงินต่างประเทศ ด้วยการผลักดันให้รัฐวิสาหกิจเทขายดอลลาร์และระดมเงินจากเงินกู้ต่างประเทศ รวมทั้งขายพันธบัตรรัฐบาลมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนหนึ่งมีเป้าหมายที่จะลดแรงกดดันที่เกิดจากการลดค่าเงินดอง
ทั้งนี้ เมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลเวียดนามขอให้บริษัท เวียดนาม ออยล์ แอนด์ ก๊าซ กรุ๊ป และสายการบินเวียดนาม แอร์ไลน์ส ขายสกุลเงินดอลลาร์ให้กับธนาคารพาณิชย์ ขณะที่นักวิเคราะห์จากซิตี้กรุ๊ปกล่าวว่า การที่บริษัทต่างๆในเวียดนามประสบความยากลำบากในการซื้อดอลลาร์กำลังส่งผลบั่นทอนความเชื่อมั่นที่มีต่อเงินดอง
นายเบเนดิก บิงแฮม เจ้าหน้าที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ในกรุงฮานอย กล่าวว่า ทุนสำรองเงินต่างประเทศในปัจจุบันของเวียดนามมีเพียงพอสำหรับใช้ในการนำเข้าสินค้าในระยะเวลา 3 เดือนเท่านั้น โดยทุนสำรองฯของเวียดนามอยู่ในระดับต่ำกว่าจีน อินเดีย ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และไต้หวัน
ค่าเงินดองร่วงลง 6.4% ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา หลังจากธนาคารกลางเวียดนามประกาศลดค่าเงินดองลงถึงสองครั้ง โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ก.พ. ธนาคารกลางได้ประกาศลดคาเงินดอง 3.4% สู่ระดับ 18,544 ดอง/ดอลลาร์ โดยกำหนดให้เงินดองเคลื่อนไหวบวกลบไม่เกิน 3% ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในเงินดอง และทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าเงินดองจะอ่อนค่าลงอีก