หลี่ ยีจง รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศจีน กล่าวว่า จีนตั้งเป้าที่จะผลักดันให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวขึ้น 11% ในปีนี้ เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ 8%
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รมว.อุตสาหกรรมของจีนกล่าวว่า การขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมของจีนดีดตัวขึ้นในรูปตัววี นับตั้งแต่ที่จีนได้ใช้มาตรการเพื่อรับมือกับวิกฤตการเงิน โดยในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนขยายตัว 20.7% เนื่องจากปัจจัยฐานต่ำเมื่อปีที่แล้ว แต่อัตราการขยายตัวที่อยู่ในระดับสูงนี้จะไม่ยาวนานไปจนถึงช่วงไตรมาส 2 และ 3 ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากประสบการณ์ที่ผ่านมา การขยายตัวภาคอุตสาหกรรมน่าจะขยายตัวที่ระดับประมาณ 11% ซึ่งจะช่วยให้การขยายตัวของเศรษฐกิจเป็นไปตามเป้าที่ 8%
หลี่กล่าวต่อไปว่า การที่จะบรรลุเป้าหมายการขยายตัวได้นั้น จีนต้องใช้ความพยายามมากขึ้นเพื่อยกระดับเทคโนโลยีและการลงทุนในสาธารณูปโภค นอกจากนี้ จีนควรจะควบคุมภาวะการผลิตที่มากจนเกินไปด้วยการสกัดการลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมสินแร่เหล็กและเหล็ก ซึ่งกำลังการผลิตได้ทะยานมาอยู่ที่ 720 ล้านตัน เมื่อเปรียบเทียบกับการผลิตเมื่อปีที่แล้วที่ 560 ล้านตัน
รัฐบาลจีนได้จัดสรรเงินชดเชย 2 หมื่นล้านหยวนให้กับโครงการด้านเทคโนโลยี 4,441 โครงการเมื่อปีที่แล้ว ด้วยวงเงินลงทุนทั้งสิ้น 6.32 แสนล้านหยวน
รมว.อุตสาหกรรมจีนยังกล่าวด้วยว่า จีนควรจะให้ความสำคัญกับเรื่องความหลากหลาย คุณภาพ ตราสินค้า และบริการหลังการขายของสินค้าต่างๆ เพื่อกระตุ้นการบริโภคและสนับสนุนการผลิตมากขึ้น รวมถึงการส่งเสริมการประหยัดพลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง ซึ่งสถิติการใช้พลังงานต่อ GDP ในจีนนั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยสากลถึงกว่า 3-4 เท่า โดยภาคอุตสาหกรรมใช้พลังงานในสัดส่วน 70% ของการใช้พลังงานภายในประเทศ และมีอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 70% และปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ไดอ็อกไซด์ 83%