นักธุรกิจสหรัฐยอมรับการออกข้อบังคับฉบับใหม่ด้านการส่งเสริมเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นภายในประเทศจีน กำลังส่งผลกระทบให้บริษัทสหรัฐในแดนมังกรทำยอดขายสินค้าได้ลดลง
ผลสำรวจจากสภาหอการค้าของสหรัฐที่เปิดเผยในวันนี้ระบุว่า 28% ของสมาชิกสภาหอการค้าสหรัฐ 203 แห่งยอมรับว่า บริษัทของพวกเขาสูญเสียผลประโยชน์ทางธุรกิจอันเป็นผลสืบเนื่องจากนโยบายดังกล่าว โดย 37% ของบริษัทด้านเทคโนโลยีที่ตอบแบบสอบถาม 49 รายระบุว่า ธุรกิจของพวกเขาได้รับผลกระทบ และ 57% คาดว่ามาตรการใหม่นี้จะทำให้การดำเนินธุรกิจซบเซา
บริษัทต่างชาติที่ดำเนินธุรกิจในประเทศจีนแสดงความกังวลต่อกฎข้อบังคับฉบับใหม่ที่แบ่งหมวดเทคโนโลยีในและต่างประเทศออกจากกัน รวมถึงการกีดกันมิให้บริษัทต่างชาติมีส่วนได้ประโยชน์ในเม็ดเงินจัดซื้อเทคโนโลยีใหม่ๆของรัฐบาลที่มีมูลค่า 5.991 แสนล้านหยวน (8.78 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2551 ซึ่งเป็นส่วนที่บริษัทต่างชาติสามารถขายผลิตภัณฑ์ให้กับรัฐวิสาหกิจจีนได้ถึง 22.5 ล้านล้านหยวนในปีที่ผ่านมา
ด้านผู้เชี่ยวชาญแสดงทัศนะว่า นโยบายกระตุ้นการพัฒนาเทคโนโลยีด้วยภูมิปัญญาชาวบ้านในจีนได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทต่างชาติในประเทศดังกล่าว และบริษัทต่างชาติหลายแห่งเกรงว่าโอกาสการดำเนินธุรกิจในประเทศจีนจะเริ่มลดน้อยถอยลง
ขณะเดียวกันผลสำรวจอีกฉบับที่จัดทำโดยสภาธุรกิจสหรัฐ-จีนระบุว่า บริษัทจากสหรัฐจำหน่ายสินค้าต่างๆให้กับรัฐบาลจีนได้ยากขึ้น เนื่องจากภาครัฐต้องการสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีด้านภูมิปัญญาชาวบ้านมากกว่าสินค้าที่บริษัทต่างชาติเป็นผู้ผลิต
ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวมีขึ้นในขณะสื่อจีนประโคมข่าวว่ากูเกิล เสิร์ชเอนจิ้นยักษ์ใหญ่จากสหรัฐเตรียมประกาศถอนธุรกิจในตลาดจีน ขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา วุฒิสภาสหรัฐเรียกร้องให้นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐดำเนินมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อกดดันให้จีนปรับค่าเงินหยวน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ข้อบังคับฉบับใหม่ที่ระบุให้มีการส่งเสริมเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นภายในประเทศเป็นหนึ่งในนโยบายที่รัฐบาลจัดทำขึ้นตามแผนแม่บทด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระยะ 5 ปี โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการขยายตัวด้านเทคโนโลยีในประเทศ การจดสิทธิบัตร และเครื่องหมายการค้า