จง ชาน รัฐมนตรีช่วยกระทรวงพาณิชย์จีนชี้การรับมืออย่างเหมาะสมต่อกรณีความขัดแย้งทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างจีนและสหรัฐจะช่วยให้การพัฒนาความสัมพันธ์การค้าและเศรษฐกิจระดับทวิภาคีเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง พร้อมระบุว่า ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดสำหรับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าของสองประเทศในขณะนี้ก็คือ ลัทธิการปกป้องผลประโยชน์ทางการค้าและการทำให้ประเด็นเศรษฐกิจและการค้ากลายเป็นเรื่องทางการเมืองซึ่งเขาไม่เห็นด้วย และแสดงความหวังว่า จีนและสหรัฐจะสามารถปฏิบัติต่อกันในฐานะพันธมิตรมากกว่าที่จะเป็นคู่ต่อสู้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ภายใต้แรงกดดันเกี่ยวกับการเลือกตั้งกลางเทอมและอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูงของสหรัฐ ทำให้ วุฒิสมาชิกสหรัฐบางรายเสนอให้มีการใช้กฎหมายเพื่อกดดันจีนให้ขึ้นค่าเงินหยวน โดยกฎหมายดังกล่าวกำหนดให้ กระทรวงคลังสหรัฐระบุชื่อประเทศที่สกุลเงินไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน และขอให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบเรื่องการกดค่าเงินให้อ่อนเกินจริง
ขณะเดียวกัน สมาชิกสภาคองเกรส 130 รายก็ได้เรียกร้องให้คณะทำงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ดำเนินการเพื่อทำให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์
นายจงกล่าวว่า เงินหยวนไม่ได้เป็นต้นเหตุของการขาดดุลการค้าของสหรัฐหรืออัตราว่างงาน แต่โครงสร้างทางเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศนี้เกื้อกูลซึ่งกันและกันมาก การที่จะบีบให้จีนขึ้นค่าเงินหยวนนั้นไม่สามารถแก้ปัญหาขาดดุลหรืออัตราว่างงานของสหรัฐได้ และเมื่อมองจากการพัฒนาความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจของจีนกับสหรัฐที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ก็จะเห็นได้ว่าความขัดแย้งและปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
"ตราบใดที่ทั้ง 2 ฝ่ายยึดมั่นในแนวทางเชิงยุทธศาสตร์ระยะยาวเพื่อความสัมพันธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจ รวมทั้งรับมือกับความขัดแย้งทางการค้าอย่างเหมาะสม ผ่านทางการติดต่อสื่อสารและการปรึกษาหารือ เราก็จะสามารถหาทางแก้และลดความคิดเห็นที่แตกต่างกัน รวมทั้งกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจร่วมกันได้" นายจงกล่าว