สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 52.5 จุด จากเดือนก.พ.ที่ระดับ 46.4 จุด มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 50 จุด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคของสหรัฐมีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและเริ่มที่จะจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นด้วย
โดยตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 0.3% ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ห้า และสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม รายได้ส่วนบุคคลของชาวสหรัฐทรงตัวในเดือนก.พ. หลังเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1% ซึ่งรายได้ที่ทรงตัวเช่นนี้ทำให้อัตราการออมภายในประเทศลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปี 2552
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆที่สำคัญในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนก.พ. และวันพฤหัสบดีกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) เดือนมี.ค. โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนมี.ค.จะเพิ่มขึ้น 200,000 คน และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนมี.ค.จะทรงตัวที่ระดับ 9.7% โดยนักวิเคราะห์เชื่อว่าตัวเลขจ้างงานเดือนมี.ค.อาจได้รับแรงหนุนจากโครงการจ้างพนักชั่วคราวของภาครัฐเพื่อทำการสำรวจจำนวนประชากรครั้งใหญ่ที่จัดขึ้นทุก 10 ปีในปีนี้ รวมถึงสภาพอากาศที่ดีขึ้นทำให้มีการจ้างงานมากขึ้น