สมาคมนายธนาคารสหรัฐ (ABA) เปิดเผยในรายงาน "Consumer Credit Delinquency Bulletin" รายไตรมาสว่า อัตราการผิดนัดชำระหนี้ (delinquency) เงินกู้ของผู้บริโภคในสหรัฐปรับตัวลดลงสู่ระดับ 3.19% ในไตรมาส 4 ปี 2552 จากไตรมาส 3 ที่ระดับ 3.23% ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าตัวเลขจ้างงานและตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐบ่งชี้ถึงแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
รายงานของสมาคมระบุว่า อัตราการผิดนัดชำระหนี้เงินกู้ 11 ประเภทปรับตัวลดลง แต่อัตราการผิดนัดชำระหนี้เงินกู้เพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยปรับตัวขึ้นลงผสมผสานกันไป ซึ่งบ่งชี้ว่าภาวะซบเซาในตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ นายเจมส์ เชสเซน หัวหน้านักวิเคราะห์ของ ABA กล่าวว่า อัตราการผิดนัดชำระหนี้ในสหรัฐมีแนวโน้มที่เป็นบวก และผลสำรวจครั้งล่าสุดบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัว นอกจากนี้ ข้อมูลยังสะท้อนให้เห็นว่าสถานะทางการเงินของผู้บริโภคเริ่มดีขึ้น และธนาคารมียอดขาดทุนน้อยลง ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ง่ายขึ้นในวันข้างหน้า
ทั้งนี้ ABA ระบุว่า อัตราการผิดนัดชำระหนี้บัตรเครดิตซึ่งออกโดยธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐอยู่ที่ 4.39% ในไตรมาส 4 ลดลงจากไตรมาส 3 ที่ 4.77% ขณะที่อัตราการผิดนัดชำระหนี้เงินกู้เพื่อการซื้อสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงบ้านเคลื่อนที่ และเงินกู้เพื่อการปรับปรุงบ้าน อยู่ที่ระดับ 2.04% ลดลงจากไตรมาส 3 ที่ระดับ 2.12% ส่วนอัตราการผิดนัดชำระหนี้เงินกู้ซื้อรถยนต์จากดีลเลอร์ภายในประเทศ ทรงตัวที่ 3.15%
อย่างไรก็ตาม นายเชสเซนคาดว่า อัตราการผิดนัดชำระหนี้ในสหรัฐจะยังคงยืนอยู่เหนือระดับเฉลี่ยในอีกหลายไตรมาสข้างหน้า เนื่องจากอัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูง แม้กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานเมื่อวันศุกร์ว่าตัวเลขจ้างงานเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 162,000 อัตรา และอัตราว่างงานเดือนมี.ค.ยืนอยู่ที่ระดับ 9.7%