พาณิชย์ห่วงการเมืองลากยาวอาจทำให้ยอดจดทะเบียนเลิกกิจการเพิ่มขึ้น

ข่าวเศรษฐกิจ Monday April 12, 2010 14:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ คาดว่า แนวโน้มการจดทะเบียนธุรกิจในเดือนเม.ย.53 จะลดลง และจะมีธุรกิจที่จดทะเบียนเลิกกิจการเพิ่มขึ้น หากสถานการณ์ทางการเมืองไม่คลี่คลาย เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการประกอบธุรกิจ การลงทุน และเม็ดเงินที่จะเข้ามาลงทุนในเมืองไทย สำหรับธุรกิจที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ กลุ่มธุรกิจก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ เพราะเป็นการลงทุนระยะยาว หากประชาชนในประเทศขาดความเชื่อมั่นในรายได้ในอนาคต ธุรกิจเหล่านี้จะได้รับผลกระทบโดยตรง รวมทั้งธุรกิจท่องเที่ยว

"ปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นมากที่สุดในตอนนี้ คือ การเมือง เพราะเมื่อมีเหตุการณ์รุนแรงจะเป็นตัวบั่นทอนความเชื่อมั่นในการประกอบธุรกิจ ตลอดจนการชุมนุมที่ยืดเยื้อ ก็ส่งผลต่อภาคธุรกิจเช่นเดียวกัน จึงหวังว่าทุกฝ่ายจะเร่งหาทางออกให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ไม่เช่นนั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน และแรงงานในอนาคตได้" นายอลงกรณ์ กล่าว

สำหรับสถิติการจดทะเบียนธุรกิจในช่วงเดือนมี.ค.53 ว่า มีผู้ประกอบการขอจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ทั่วประเทศ 4,705 ราย แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 1,906 ราย และภูมิภาค 2,799 ราย มีเงินทุนจดทะเบียนจำนวน 10,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1,072 ราย หรือคิดเป็น 30% และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก.พ.53 มีการจดทะเบียนเพิ่มขึ้น 209 ราย หรือ 5%

โดยธุรกิจที่มีการจัดตั้งสูงสุด ได้แก่ การก่อสร้างอาคารทั่วไป อสังหาริมทรัพย์ บริการนันทนาการ บริการด้านธุรกิจอื่นๆ เช่น การทำสัญญาจ้าง และตัวแทนธุรกิจท่องเที่ยวและผู้จัดนำเที่ยว

ขณะที่ธุรกิจที่ขอเพิ่มทุนในเดือนมี.ค.มี 922 ราย มูลค่า 45,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 761 ราย มูลค่า 20,800 ล้านบาท คิดเป็น 21% ในด้านจำนวนผู้ประการ และ 120% ในด้านมูลค่า โดยธุรกิจที่ขอเพิ่มทุนส่วนใหญ่เป็นธุรกิจในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ประมาณ 20%

ส่วนธุรกิจที่ขอจดทะเบียนเลิกกิจการมี 982 ราย มีเงินทุนจดทะเบียน 2,797 ล้านบาท ลดลง 4% เมื่อเทียบกับปี 52 แต่หากเทียบกับเดือนก.พ.53 เพิ่มขึ้น 234 ราย หรือคิดเป็น 31% โดยธุรกิจที่ขอจดทะเบียนยกเลิกมากที่สุด ได้แก่ การก่อสร้างอาคารทั่วไป อสังหาริมทรัพย์ บริการด้านธุรกิจอื่นๆ ภัตตาคารร้านอาหารและเครื่องดื่ม และการติดตั้งสาธารณูปโภค

ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ มีผู้ประกอบการขอจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ทั่วประเทศ 13,800 ราย เพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 52 มีทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้น 10,100 ล้านบาท คิดเป็น 26% มีการจดทะเบียนเพิ่มทุนเพิ่มขึ้น 372 ราย คิดเป็น 19% และมีการจดทะเบียนยกเลิกธุรกิจ 2,971 ราย ลดลง 5%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ