อคส.ปรับโฉมเน้นธุรกิจเชิงพาณิชย์, เปิดตัวสินค้าใหม่"ข้าวตรา อคส."

นายพุทธิสัตย์ นามเดช รักษาการผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงทิศทางการดำเนินงานนับจากนี้ ว่า อคส.จะปรับบทบาทองค์กรให้เน้นธุรกิจเชิงพาณิชย์ โดยเริ่มต้นจากการปรับปรุงแก้ไขพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การคลังสินค้าให้อยู่ในทิศทางที่สามารถดำเนินธุรกิจเชิงพาณิชย์ได้อย่างคล่องตัว และสามารถตอบสนองนโยบายทางภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยมุ่งเน้นพัฒนาธุรกิจหลัก 2 ด้าน เพื่อสร้างความมั่นคงทางรายได้อย่างยั่งยืน ได้แก่ การให้บริการโลจิสติกส์ ทั้งด้านคลังสินค้า การขนส่งสินค้าแก่องค์กรภาครัฐและเอกชน และพัฒนาด้านธุรกิจการค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่วนธุรกิจในประเทศ ได้ดำเนินการ ผลิตและจำหน่ายข้าวถุง ตรา อคส. 4 ชนิด ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ 100% ,ข้าวคัดพิเศษ ,ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์ และข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง สำหรับด้าน

ด้านธุรกิจต่างประเทศ อคส.มีการเปิดศูนย์กระจายสินค้าและจำหน่ายข้าวที่รัฐดูไบ และจะขยายการส่งออกไปประเทศในแถบตะวันออกกลาง และตลาดใหม่อื่นๆ โดยใช้ตราสินค้า “TASTE OF THAI" และส่งออกข้าวไปสาธารณรัฐประชาชนจีน ด้วยตราสินค้า “JIN TAI YU"(จินไท้อวี้)

โดยล่าสุด องค์การคลังสินค้า ได้ผลิตข้าวสารบรรจุถุงออกวางจำหน่าย ด้วยตราสินค้า "อคส." เพื่อเสนอทางเลือกให้กับประชาชน ได้มีโอกาสบริโภคข้าวคุณภาพดี ที่มีการคัดสรรข้าวพันธุ์ดีจากแหล่งผลิตที่มีคุณภาพของประเทศไทย เช่น ข้าวหอมมะลิ จากแหล่งทุ่งกุลาร้องไห้ และจำหน่ายในราคายุติธรรม โดยยึดหลัก SQR คือ S — SIMPLE ที่เป็นสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน Q — QUALITY เป็นสินค้าที่คุณภาพสูง ได้มาตรฐาน สะอาด ปลอดภัย และ R — RESONABLE ที่มุ่งเน้นสินค้าที่มีราคายุติธรรม และในโอกาส ฉลองครบรอบ 55 ปี อคส.จึงได้เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายที่สะดวกต่อผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ด้วยการจัดจำหน่ายข้าวถุง ตรา อคส. ณ ห้างสรรพสินค้าเทสโก้ — โลตัส ทุกสาขาทั่วประเทศ โดยจะเริ่มวางจำหน่ายข้าวหอมมะลิ 100 % ในเดือนพฤษภาคมศกนี้

อย่างไรก็ตาม อคส.ก็ยังคงมุ่งมั่นดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพ ฉับไว และมีความโปร่งใส เพื่อให้เป็นองค์กรดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ใหม่คือ “เป็นรัฐวิสาหกิจที่มุ่งสู่ความเป็นเลิศด้านธุรกิจคลังสินค้า การค้าและบริการสินค้าเกษตร ตามหลักธรรมาภิบาล"

อคส.มีภารกิจหลักในการดำเนินงานตามนโยบายรัฐ ที่ผ่านมาได้รับมอบหมายให้ดำเนินการแทรกแซงตลาดทางการเกษตรในช่วงราคาตกต่ำ ด้วยรูปแบบการรับจำนำพืชผล แต่ปัจจุบันก็ได้มีการปรับเปลี่ยนนโยบายการรับจำนำพืชผลการเกษตร มาเป็นโครงการประกันรายได้ ควบคู่กับการรับซื้อผลิตผลทางการเกษตร โดยล่าสุด อคส.ได้ดำเนินงานแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรผ่านโรงสีและสถาบันเกษตรกรที่มีศักยภาพในการเก็บรักษาคุณภาพข้าวเปลือก ซึ่งเป็นมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ที่ช่วยให้จำหน่ายข้าวได้ในราคาที่เหมาะสม โดยดำเนินงานผ่านกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ อาทิ การรับสมัครโรงสีเข้าร่วมโครงการ

ปัจจุบันมีโรงสีที่ได้รับอนุมัติแล้ว จำนวน 388 ราย ใน 50 จังหวัด ,การเปิดจุดรับซื้อ ณ โรงสีที่ได้รับอนุมัติเข้าร่วมโครงการ ปัจจุบันมีจำนวน 72 โรงสี ใน 24 จังหวัด เช่น กำแพงเพชร พิษณุโลก สุโขทัย สงขลา บุรีรัมย์ และมีปริมาณข้าวเปลือกที่รับซื้อแล้วจำนวนทั้งสิ้น 49,021.866 ตัน