ธนาคารกลางอินโดนีเซียเปิดเผยว่า ยอดการปล่อยกู้ของธนาคารในอินโดนีเซียเดือนก.พ.ปีนี้สูงขึ้น 9.8% จากระดับปีที่แล้ว แตะ 1,428.8 ล้านล้านรูเปียห์ หรือ 1.58 แสนล้านดอลลาร์ แต่ยอดการปล่อยกู้ให้กับภาคการผลิตในเดือนก.พ.นั้นกลับลดลง
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ยอดการปล่อยกู้แก่ภาคการผลิตลดลง 13.1% แตะ 224 ล้านล้านรูเปียห์ หรือประมาณ 2.48 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ. จากระดับ 273.7 ล้านล้านรูเปียห์ หรือประมาณ 3.03 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว
นักวิเคราะห์มองว่า แบงค์ต่างๆต้องการให้เงินกู้กับธุรกิจเหมืองมากกว่า เนื่องจากความต้องการทรัพยากรธรรมชาติทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น โดยเงินกู้ที่ปล่อยให้กับธุรกิจเหมืองนั้นเพิ่มขึ้น 40.7% แตะ 40.8 ล้านล้านรูเปียห์ในเดือนก.พ.ปีนี้
ไรอัน คีร์ยันโต นักเศรษฐศาสตร์ของบีเอ็นไอ กล่าวว่า แบงค์ต่างๆให้เงินกู้ส่วนใหญ่กับภาคธุรกิจการค้าและโครงการสาธารณูปโภค ซึ่งสอดคล้องกับแผนการกระตุ้นการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคของรัฐบาล
ก่อนหน้านี้ ผลการสำรวจของธนาคารพาณิชย์ที่มีสำนักงานใหญ่ในกรุงจาการ์ต้าชี้ว่า ธนาคารยังคงลังเลที่จะปล่อยกู้แก่ภาคการผลิต โดยเฉพาะอุตสาหกรรมสิ่งทอ เนื่องจากดีมานด์ผลิตภัณฑ์สิ่งทอของอินโดนีเซียจากทั่วโลกชะลอตัวลง