ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เปิดเผยรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อฉบับล่าสุด ปรับคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)ของไทยในปี 53 เป็น 4.3-5.8% โดยได้รวมผลกระทบจากสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองในขณะนี้ไปแล้ว คาดว่าจะมีผลกระทบต่อ GDP ราว 0.9% และมีความเป็นไปได้มากที่ GDP ปีนี้จะเติบโตในช่วง 5.0-5.5%
สำหรับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองจะเห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 2/53 ซึ่งจะทำให้ GDP ชะลอตัวลงจากที่เติบโตได้อย่างน้อย 8% ในไตรมาส 1/53 ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้ช่วง 3 ไตรมาสที่เหลือของปีนี้ การท่องเที่ยวจะหดตัวราว 7% จากเดิมคาดว่าจะเติบโต 4% ส่วนบริโภคเอกชนอัตราการขยายตัวไตรมาสต่อไตรมาสที่ปรับให้เป็นต่อปีจะขยายตัวลดลงเหลือ 2.5% จากเดิมคาดโต 5.3% ด้านการลงทุนอัตราขยายตัวไตรมาสต่อไตรมาสที่ปรับให้เป็นต่อปีจะเติบโตลดลงเหลือ 5.1% จากเดิม 8.9%
นายไพบูลย์ ไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธปท. กล่าวว่า ในไตรมาส 1/53 เครื่องชี้เศรษฐกิจเบื้องต้นสะท้อนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยการส่งออกและการใช้จ่ายภาคเอกชนยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญ สอดคล้องกับการขยายตัวสูงของดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม อัตราการใช้กำลังการผลิตในภาค อุตสาหกรรมที่สูงขึ้น รายได้เกษตรกรและภาวะการจ้างงานที่ปรับตัวดีขึ้น ตลอดจนความเชื่อมั่นผู้บริโภค และผู้ประกอบการที่สูงขึ้นเป็นลำดับ
แรงกดดันด้านราคาปรับตัวสูงขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า โดยอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเร่งตัวขึ้นเล็กน้อยตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว แต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าขอบล่างของช่วงเป้าหมายจากผลของมาตรการภาครัฐ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเร่งตัวขึ้นมากกว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ตามราคาอาหารสดและราคาน้ำมันขายปลีกภายในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นสำคัญ
ในภาพรวมความเสี่ยงด้านลบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจมีมากกว่าความเสี่ยงด้านบวกตลอดช่วงประมาณการจากปัจจัยภายในประเทศเป็นสำคัญ ทั้งนี้ หากสถานการณ์ทางการเมืองยืดเยื้อและรุนแรง จะส่งผลกระทบต่อรายได้จากการท่องเที่ยว ความเชื่อมั่นของภาคเอกชน รวมถึงประสิทธิภาพในการใช้จ่ายของภาครัฐ
นอกจากนี้ ความยืดเยื้อในการแก้ปัญหากรณีมาบตาพุด จะส่งผลโดยตรงต่อการลงทุนและรายได้จากโครงการที่ต้องหยุดชะงักลง สำหรับความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกที่สำคัญคือการที่เศรษฐกิจโลกอาจฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่ประเมินไว้ ดังนั้น Fan Chart ของการประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจครั้งนี้จึงมีช่วงประมาณการอยู่ที่ 4.3-5.8% ในปี 53 และ 3.0-5.0% ในปี 54
สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 53 จะเฉลี่ยอยู่ที่ 3.3-4.8% และ 2.3-4.3% ในปี 54 ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานคาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 1.0-2.0% ในปี 53 และ 2.0-3.0% ในปี 54