นายกรัฐมนตรี โฆเซ่ หลุยซ์ โรดริเกซ ซาปาเตโร ของสเปน เปิดเผยมาตรการลดการขาดดุลงบประมาณขั้นเฉียบขาด ซึ่งเป็นความพยายามล่าสุดเพื่อรับประกันว่าประเทศจะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับกรีซ
ในการแถลงต่อรัฐสภาวันนี้ นายซาปาเตโรได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับแผนการลดการขาดดุลครั้งใหม่ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการลดเงินเดือนข้าราชการเฉลี่ย 5% ตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีนี้ และระงับการขึ้นเงินเดือนในปี 2554 ซึ่งรัฐบาลสเปนคาดว่าจะช่วยลดรายจ่ายได้มากกว่า 1.5 หมื่นล้านยูโร (1.9 หมื่นล้านดอลลาร์) ภายในระยะเวลาสองปี
"เรากำลังขอร้องทุกๆคนให้เพิ่มความพยายามกันมากขึ้น เริ่มจากสังคมและรัฐบาล" นายกฯสเปนกล่าว พร้อมกับระบุด้วยว่า เงินเดือนของเขาเองและเงินเดือนของสมาชิกอาวุโสท่านอื่นๆของรัฐบาลจะถูกปรับลดลง 15%
นอกจากการลดเงินเดือนแล้ว แผนการลดรายจ่ายยังรวมถึงการลดบำนาญตั้งแต่ปีหน้า การลดให้ความช่วยเหลือแก่ต่างประเทศ และการลดการลงทุนของภาครัฐ ซึ่งนายซาปาเตโรกล่าวว่า เป้าหมายของการใช้มาตรการเหล่านี้ก็คือเพื่อสนับสนุนเสถียรภาพการคลังของประเทศและของยูโรโซน
ทั้งนี้ ปัจจุบัน สเปนมียอดขาดดุลงบประมาณอยู่ที่ 11% ของจีดีพี และเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา สเปนประกาศเป้าหมายที่จะลดตัวเลขดังกล่าวลง 4.7% ภายในปี 2554
สเปน ซึ่งทำหน้าที่ประธานสหภาพยุโรป (อียู) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 กำลังถูกกดดันจากสหภาพยุโรปให้ดำเนินการรวดเร็วกว่านี้ในการลดหนี้สาธารณะ ด้วยการใช้มาตรการต่างๆ ซึ่งรวมถึงการหั่นรายจ่าย และการขึ้นภาษี
แม้แต่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐ ก็ได้โทรศัพท์ถึงนายกรัฐมนตรีสเปนเมื่อวานนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจ ท่ามกลางความกังวลที่ว่าปัญหาหนี้สินที่มีชนวนมาจากกรีซอาจลุกลามไปทั่วภูมิภาคยุโรปและฉุดรั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
ทำเนียบขาวได้ออกแถลงการณ์เปิดเผยว่า ผู้นำทั้งสองได้พูดคุยกันถึงความสำคัญของสเปนในการดำเนินมาตรการขั้นเฉียบขาด ในฐานะที่เป็นความพยายามส่วนหนึ่งของยุโรปในการสร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจของภูมิภาคและสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาด