นางยาใจ ชูวิชา ประธานคณะจัดทำผลสำรวจความคิดเห็นประเด็นธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลการสำรวจการใช้จ่ายผู้บริโภคในช่วงเปิดเทอมว่า ปีนี้คาดว่าจะมีเงินจากการใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอม 44,573 ล้านบาท โดยเป็นค่าเล่าเรียน/ค่าหน่วยกิตมากที่สุด รองลงมาเป็นค่าบำรุงโรงเรียน(ตามปกติ) ค่าบำรุงโรงเรียน(กรณีเปลี่ยนโรงเรียนใหม่/แป๊ะเจี๊ยะ) ค่าหนังสือ ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเสื้อผ้า รองเท้า ซึ่งเมื่อเฉลี่ยต่อครัวเรือนแล้วจะมีค่าใช้จ่ายช่วงเปิดเทอม 6,116 บาท
เมื่อถามถึงการเปลี่ยนแปลงของค่าใช้จ่ายก่อนเปิดเทอมเทียบกับปี 52 พบว่า ค่าใช้จ่ายต่างๆ เพิ่มสูงขึ้นมาก ทั้งค่าเล่าเรียน/ค่าหน่วยกิต ค่าบำรุงโรงเรียน (ตามปกติ) ค่าบำรุงโรงเรียน (กรณีเปลี่ยนโรงเรียนใหม่/แป๊ะเจี๊ยะ) ค่าหนังสือ ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเสื้อผ้า รองเท้า ค่าบริหารจัดการพิเศษ เช่น ค่าประกันชีวิต และอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสอบถาม 74.1% ระบุมีเงินเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆ ส่วนอีก 25.9% ระบุไม่เพียงพอ ซึ่งจะจำนำทรัพย์มากเป็นอันดับ 1 รองลงมาคือ ยืมญาติพี่น้อง เงินออม เงินเดือน เบิกเงินสดจากบัตรเครดิต กู้เงินนอกระบบ โบนัส/รายได้พิเศษ กู้เงินในระบบ และเสี่ยงโชค
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เมื่อถามถึงสถานการณ์การเมืองมีผลต่อการใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอมหรือไม่นั้น ประชาชน 83.6% ตอบว่ากระทบ เพราะเศรษฐกิจไม่ดี รายได้ไม่มั่นคง และไม่สะดวกในการส่งบุตรหลาน ขณะที่อีก 16.4% ตอบว่าไม่กระทบ เพราะไม่ได้อยู่ในพื้นที่ชุมนุม
อย่างไรก็ตาม หลังประกาศแผนปรองดองแล้ว ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ ระบุว่า น่าจะใช้เวลา 4-6 เดือนในการทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้
"ตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณของการบริโภคที่เพิ่มขึ้น ประชาชนยังกังวลกับสถานการณ์การเมือง และไม่เชื่อมั่นการเมือง แต่เชื่อว่า เม็ดเงินสะพัดจากการใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอมที่คาดจะมีมากถึง 44,573 ล้านบาทนั้น น่าจะเป็นแรงพยุงเศรษฐกิจไทยไม่ให้ตกต่ำลงได้บ้าง" นายธนวรรธน์ กล่าว