รัฐบาลจีนเปิดเผยผ่านทางเว็บไซต์ของรัฐบาลว่า จะเพิ่มอัตราส่วนลงทุนของกลุ่มกองทุนบริหารความเสี่ยง (private capital) ในสถาบันการเงินของจีน และจะสนับสนุนกลุ่มกองทุนบริหารความเสี่ยงให้เข้าไปลงทุนในภาคบริการด้านการเงินของจีนด้วย ขณะเดียวกันจีนจะขยายอัตราการลงทุนของคอร์ปอเรท แบงค์ในธนาคารที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล และจะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ลงทุนแต่ละราย (single investor) ในบริษัทสินเชื่อเพื่อรายย่อย (microfinance)
นายกัว เตียนหยง ศาสตราจารย์ของ Central University of Finance and Economics คาดการณ์ว่า อัตราส่วนการลงทุนของผู้ลงทุนแต่ละรายในสถาบันการเงินขนาดกลางและขนาดเล็กอาจจะค่อยๆปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 15% หรือ 20% จากระดับปัจจุบันที่ 10%
สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างแถลงการณ์ของรัฐบาลจีนว่า นักลงทุนเอกชนอาจจะเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดตั้งสถาบันการเงินด้วยการลงทุนในสถาบันการเงินเชิงพาณิชย์ และจัดตั้งธนาคารในพื้นที่ห่างไกล บริษัทสินเชื่อ บริษัทรับประกันสินเชื่อ และสหกรณ์ที่เป็นแหล่งเงินทุนในพื้นที่ห่างไกล
นายอู่ หยงกัง นักวิเคราะห์ของกัวไถ่ แอนด์ จูหนาน ซิเคียวริตีส์ ชี้ว่า การผ่อนคลายกฎควบคุมการลงทุนภาคเอกชนในธุรกิจการเงินจะช่วยให้มีเม็ดเงินไหลเวียนในระบบคล่องตัวขึ้น และยังช่วยยกระดับธรรมาภิบาลของสถาบันการเงิน อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการแข่งขัน
คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการธนาคารจีน (CBRC) ได้นำกฏข้อบังคับเกี่ยวกับอัตราส่วนลงทุนของกลุ่มกองทุนบริหารความเสี่ยงมาใช้อย่างเข้มงวด รวมถึงการกำหนดสัดส่วนการถือหุ้นของสถาบันการเงินนอกภาคธนาคารว่าต้องไม่สูงเกิน 10% ของสินทรัพย์โดยรวม ส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนในบริษัทสินเชื่อเพื่อรายย่อยต้องไม่เกิน 10% ของเงินทุนจดทะเบียน