นายเหยา เจี้ยน โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน (MOC) คาดยอดเกินดุลการค้าของจีนในปีนี้อาจดิ่งลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับปี 2551 และ 2552 เนื่องจากสถานการณ์การส่งออกของจีนในขณะนี้ยังไม่ดีเท่าที่ควร
โดยจีนมียอดเกินดุลการค้าที่ระดับ 2.90 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2551 และ 1.90 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2552
ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ จีนมียอดเกินดุลการค้ารวมทั้งสิ้นที่ 1.61 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับระดับ 7.52 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่การขยายตัวของยอดนำเข้าของจีนในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้น 2 เท่าเมื่อเทียบกับการขยายตัวของยอดส่งออก
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการชาวจีนยังมีทัศนคติที่ระแวดระวังต่อสถานการณ์ทางการค้าในปัจจุบัน โดยมูลค่าการทำธุรกรรมทางการค้าหลังจบงานแสดงสินค้าแคนตัน แฟร์ครั้งที่ 107 ลดลง 10.3% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2551 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดวิกฤตการเงินทั่วโลกทั้งๆที่ในปีนี้เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า วิกฤตหนี้สาธารณะของกรีซจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของจีน เนื่องจากกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป (อียู) เป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของจีนซึ่งมีสัดส่วน 16% ของการค้าระหว่างจีนกับต่างประเทศ
ทั้งนี้ เงินหยวนของจีนแข็งค่าขึ้น 14.5% เมื่อเทียบกับเงินยูโรนับตั้งแต่ต้นปี ซึ่งภาวะดังกล่าวสร้างแรงกดดันต่อราคาของผู้ส่งออก และยังส่งผลกระทบต่อการปรับนโยบายการค้าของจีนด้วย อย่างไรก็ตาม จีนจะจับตาความเคลื่อนไหวด้านวิกฤตหนี้สาธารณะของกรีซต่อไป และจะปรับนโยบายการค้าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม