สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงต่ำกว่าระดับ 1,200 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อคืนนี้ (19 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มวิตกกังวลต่อการร่วงลงติดต่อกันหลายวันของตลาดหุ้น ซึ่งเป็นผลมาจากวิกฤตการณ์การเงินในยุโรป ขณะที่สัญญาพลาตินัมและพัลลาเดียมทรุดตัวลงอย่างหนัก เนื่องจากความกังวลที่เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลเยอรมนีบังคับใช้กฎห้ามทำชอร์ตเซลหุ้นบริษัทการเงินยักษ์ใหญ่ 10 แห่งของเยอรมนี
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำ COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงง 21.50 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 1,193.10 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,228.20 - 1,186.60 ดอลลาร์
ขณะทีสัญญาโลหะเงินเดือนก.ค.ลดลง 76.4 เซนต์ ปิดที่ 18.115 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงเดือนก.ค.ลดลง 7.15 เซนต์ ปิดที่ 2.9595 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมเดือนก.ค.ทรุดฮวบลง 84.80 ดอลลาร์ หรือ 5% ปิดที่ 1,605.70 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมเดือนมิ.ย.ร่วงลง 47.30 ดอลลาร์ หรือ 9.3% ปิดที่ 459.70 ดอลลาร์/ออนซ์
นักวิเคราะห์จากอีทีเอฟ ซิเคียวริตีส์กล่าวว่า นักลงทุนกระหน่ำขายสัญญาทองคำเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์การเงินในยุโรป แม้มีรายงานว่าสหภาพยุโรป (อียู) ออกมาตรการสร้างเสถียรภาพในภูมิภาคแล้วก็ตาม ส่งผลให้สัญญาทองคำดิ่งลงหลุดจากระดับ 1,200 ดอลลาร์/ออนซ์
ขณะที่สัญญาพลาตินัมและพัลลาเดียมร่วงลงอย่างหนัก เนื่องจากความกังวลที่ว่าการที่รัฐบาลเยอรมนีออกกฎห้ามทำชอร์ตเซลหุ้นกลุ่มการเงิน อาจทำให้ปัญหาในระบบการเงินของยุโรปย่ำแย่ลงไปอีก
สำนักงานกำกับดูแลทางการเงินของรัฐบาลกลางเยอรมนี (BaFin) มีคำสั่งห้ามทำชอร์ตเซลสำหรับหุ้นที่ยังไม่มีการกู้ยืมมาก่อน (naked short-selling) ซึ่งครอบคลุมถึงการห้ามทำ naked short-selling ในตราสารหนี้สกุลเงินยูโรที่มีความเสี่ยงสูง ตราสาร credit default swap (CDS) สกุลเงินยูโร และหุ้นของ 10 บริษัทการเงินยักษ์ใหญ่ของเยอรมนี รวมถึงดอยช์ แบงค์ เอจี และดอยช์ โพสต์แบงค์ เอจี
กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก ถือครองทองคำแท่งที่ระดับ 1,217.108 ตัน ณ วันที่ 17 พ.ค. เพิ่มขึ้นวันที่ 14 พ.ค.ที่ระดับ 1,214.065 ตัน