นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)กล่าวว่า การสร้างความเชื่อมันของนักลงทุนใทยและต่างประเทศให้กลับคืนมาเป็นเรื่องสำคัญในขณะนี้ ซึ่ง ธปท.จะพิจารณาผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจในช่วงต่อไป เพื่อนำเสนอข้อมูลต่อคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในการประชุมวันที่ 2 มิ.ย.นี้ โดยการประเมินอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมจะพิจารณาจากข้อเท็จจริงและผลข้างเคียงที่มีต่อเศรษฐกิจ
สำหรับการขยายตัวของเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 2/53 คงต้องรอดูข้อมูลในเดือนมิ.ย.เป็นสำคัญ เพราะเศรษฐกิจไทยไม่ดีตั้งแต่มี.ค.เป็นต้นมาแล้ว หากถึงเดือน มิ.ย.ตัวเลขจะชัดเจนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเศรษฐกิจไตรมาส 2/53 จะมีแรงส่งหรือไม่ มาจาก 3 ปัจจัย คือ เศรษฐกิจโลกจะสามารถฟื้นตัวต่อเนื่องหรือไม่ เพราะจะมีผลสำคัญต่อการส่งออกของไทย ซึ่งขณะนี้มีปัจจัยที่ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกมีข้อจำกัดมากขึ้น คือ อัตราการว่างงานของประเทศอุตสาหกรรมหลัก หนี้สาธารณะของประเทศในแถบยุโรป ข้อจำกัดในการใช้นโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมีข้อจำกัดมากขึ้น
ขณะที่ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศขึ้นกับแรงกระตุ้นเศรษฐกิจว่ามาตรการต่าง ๆ จะมีความต่อเนื่องมากแค่ไหน การบริโภคและการลงทุน รวมทั้งมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง
นายบัณฑิต กล่าวว่า แนวทางการให้เงินกู้(ซอฟท์โลน)กับผู้ประกอบการที่ได้รับความเดือดร้อนนั้นมีหลายหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลืออยู่ ซึ่ง ธปท.จะติดตามใกล้ชิด แต่ในแง่ช่องทางของทางการจะพยายามทำให้การปรับตัวขอธุรกิจทำได้ง่ายขึ้น และจะประสานงานสถาบันการเงินเพื่อขจัดข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อ
สำหรับเงินบาทที่อ่อนค่าเล็กน้อยจากวันศุกร์ สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของค่าเงินในภูมิภาค ซึ่งได้รับผลกระทบจากความต้องการเงินยูโรที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนตลาดพันธบัตรกลับมาทำงานได้ตามปกติ รวมถึงกลไลจากฝั่งสถาบันการเงินที่สามารถกลับมาสนับสนุนสินเชื่อได้ตามปกติด้วยเช่นกัน