นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นหลายพื้นที่ของไทยในขณะนี้อาจส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจทั้งปีนี้และปีหน้า ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่าปัญหาจะผ่อนคลายมากน้อยแค่ไหนในช่วงฤดูฝนนี้
สำหรับเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1/53 ฟื้นตัวต่อเนื่องจากปลายปีก่อน แต่ความเสี่ยงจากปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรป และมาตรการแก้ปัญหายังไม่มีความชัดเจน ทำให้นักลงทุนมีความกังวลมากขึ้น สะท้อนได้จากตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อหนี้ที่ไม่กอ่ให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) คุณภาพสินทรัพย์ และสภาพคล่องของสถาบันการเงินในต่างประเทศ รวมถึงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ประกอบกับความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย
ส่วนไตรมาส 2/53 อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจคงขยายตัวลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากปัญหาการเมืองในประเทศที่ผ่านมาช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.ที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ความเชื่อมั่น และการบริโภคอย่างชัดเจน
นายบัณฑิต กล่าวว่า ปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรป ทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง เพราะนักลงทุนเข้ามาลงทุนในภูมิภาคเอเชียรวมถึงไทยมากขึ้น อาจกดดันเงินบาทแข็งค่าขึ้นตามไปด้วย เพราะฉะนั้นการดำเนินนโยบายการเงินจะไม่ทำอะไรที่ซ้ำเติมเงินที่ไหลเข้ามาในประเทศอีก โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) จะพยายามลดการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเข้ากลับสู่ภาวะปกติตามความเหมาะสมของแต่ละประเทศ แต่ต้องไม่ทำให้มีความตึงตัวมากเกินไป
“ธปท. มองว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวชัดเจน จึงถึงเวลาที่จะต้องเริ่มลดการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ซึ่งความจริงต้องดำเนินการตั้งแต่ช่วงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา แต่บังเอิญมีปัญหาการเมืองในประเทศแทรกซ้อนเข้ามาเสียก่อน แต่เมื่อตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 1/53 ฟื้นตัวได้ค่อนข้างดี จึงต้องกลับมาพูดเรื่องนี้ใหม่อีกครั้ง"นายบัณฑิต กล่าว