สหรัฐเผยยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.ร่วง 1.2% สวนทางกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.ที่สูงขึ้น

ข่าวต่างประเทศ Saturday June 12, 2010 06:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกร่วงลง 1.2% ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบ 8 เดือน ส่งสัญญาณว่าผู้บริโภคเริ่มอดออม ในขณะที่การจ้างงานชะลอตัว อัตราว่างงานยังอยู่ในระดับสูง และตลาดหุ้นผันผวน

รายงานระบุว่า ความต้องการจับจ่ายของผู้บริโภคลดลงในสินค้าทุกประเภท ตั้งแต่รถยนต์ ไปจนถึงเสื้อผ้า และวัสดุก่อสร้าง โดยในเดือนที่แล้ว ยอดขายรถยนต์ร่วงลง 1.7% ซึ่งถ้าไม่รวมยอดขายรถ ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.ลดลง 1.1%

ยอดค้าปลีกที่ลดลงในเดือนพ.ค.สวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์เอาไว้ว่าจะปรับตัวขึ้น 0.4% ต่อเนื่องจากเดือนเม.ย.ที่เพิ่มขึ้น 0.6% และตัวเลขที่ลดลงอย่างพลิกความคาดหมายนี้ได้จุดปะทุให้เกิดความวิตกกังวลว่า ภาคครัวเรือนจะเริ่มลดการใช้จ่าย หลังจากที่เพิ่งมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานเดือนพ.ค.ที่ชะลอตัวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ทั้งนี้ การใช้จ่ายของผู้บริโภคถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการขับเคลื่อนการขยายตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากคิดเป็นสัดส่วนถึงประมาณ 70% ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหมดของสหรัฐ

อย่างไรก็ดี หลังจากที่มีการเปิดเผยยอดค้าปลีกไม่นานนัก รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนก็ได้เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนมิ.ย. ซึ่งปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 75.5 จากระดับ 73.6 ในเดือนพ.ค. ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 และมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 74.5

โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคซึ่งจัดทำโดยรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนสะท้อนให้เห็นว่า ราคาหุ้นที่ดิ่งลงอันเป็นผลมาจากวิกฤตหนี้ในยุโรปนั้นส่งผลกระทบในวงจำกัดต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ