สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 มิ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร และจากการที่นักลงทุนยังคงเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในช่วงที่วิกฤตการณ์การเงินยุโรปยังไม่คลี่คลาย ขณะที่สัญญาทองแดงซึ่งเป็นโลหะพื้นฐานที่ใช้ในแวดวงอุตสาหกรรมได้แรงซื้อส่งเข้าหนุน หลังจากสหรัฐเปิดเผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำ COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 9.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,234.40 ดอลลาร์/ออนซ์ เคลื่อนตัวในช่วง 1,221.10 - 1,238.50 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.ดีดขึ้น 16.70 เซนต์ ปิดที่ 18.578 ดอลลาร์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 1.25 เซนต์ ปิดที่ 3.0045 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 14.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,578.00 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 475.55 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 12.95 ดอลลาร์
นักวิเคราะห์จากซีพีเอ็ม กรุ๊ป ในนิวยอร์ก กล่าวว่า ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรช่วยกระตุ้นนักลงทุนให้เข้าซื้อทองคำ ประกอบกับวิกฤตการณ์การเงินในยุโรปที่ยังไม่คลี่คลาย ยิ่งทำให้นักลงทุนมองว่าทองคำยังคงเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดความเสี่ยง โดยเฉพาะเมื่อมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรรัฐบาลกรีซลง 4 ขั้น สู่ระดับ Ba1 ซึ่งเป็นระดับ "ขยะ" หรือ "ระดับที่ไม่น่าลงทุน" จากเดิมที่ระดับ A3
สัญญาทองแดงได้แรงหนุนหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กระบุว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในรัฐนิวยอร์กขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 ซึ่งทำให้นักลงทุนมองว่าอุตสาหกรรมที่ขยายตัวจะช่วยหนุนดีมานด์โลหะพื้นฐาน รวมถึงทองแดง ให้ฟื้นตัวขึ้นด้วย
กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้ถือครองทองคำแท่ง 1,306.137 ตันในช่วงเวลาที่สิ้นสุด ณ วันที่ 14 มิ.ย. ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับวันที่ 10 มิ.ย.