นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการ สายเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า ขณะนี้ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมามีค่อนข้างจำกัด ทำให้ขณะนี้เศรษฐกิจไทยกลับมาขยายตัวเป็นปกติแล้ว โดยได้รับการชดเชยจากการส่งออกที่ดีขึ้น รวมถึงการใช้จ่ายในประเทศที่ดีขึ้นด้วย โดยเฉพาะในช่วงพ.ค.-มิ.ย.53
"ผลกระทบไม่ได้เกิดวงกว้าง ธุรกิจกลับมาขยายตัวเป็นปกติแล้ว ดังนั้นโมเมนตัมที่มีในช่วงไตรมาสแรกก็จะดำเนินต่อไป" นายบัณฑิต กล่าว
รองผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีขึ้นเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งหลังจาก ธปท.ได้หารือกับภาคเอกชนเมื่อวานนี้(15 มิ.ย.) เพื่อทำความเข้าใจถึงแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็ได้รับความเห็นจากภาคเอกชนว่าไม่ได้กังวลกับผลกระทบต่อต้นทุน แต่กังวลการเข้าถึงสินเชื่อมากกว่า โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs และกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว
ส่วนการลงทุนของต่างชาติมองว่าปรับตัวดีขึ้นแล้ว เนื่องจากมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นในการลงทุนระยะสั้น แต่อยากให้มีความมั่นใจต่อนโยบายการลงทุนในระยะยาวมากกว่า
ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)จะทบทวนตัวเลขคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจ(GDP)อีกครั้งในเดือน ก.ค.53 จากปัจจุบันที่ประเมินตัวเลข GDP ปี 53 ไว้ที่ 4.8-5.8% โดยขณะนี้มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มขึ้น แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีปัญหาในบางส่วน ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศก็มีปัญหาภัยแล้งที่อาจส่งผลกระทบต่อรายได้เกษตรกร ซึ่งภาคเกษตรเป็นรายได้สำคัญของภาคครัวเรือนไทย
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งอาจได้รับการชดเชยจากการขยายพื้นที่เพาะปลูก และราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้น
อนึ่ง จีดีพีภาคเกษตรมีสัดส่วนใน GDP ประมาณ 8.7% และมีสัดส่วนใน Norminal GDP ราว 12.1%