นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่าประชากรที่ยากจนในอินโดนีเซียจะได้รับผลกระทบจากมาตรการขึ้นค่าไฟของรัฐบาลซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป แม้ว่ารัฐบาลจะมีข้อยกเว้นสำหรับประชาชนกลุ่มนี้ก็ตาม
เฮนดริ ซาปารินี นักเศรษฐศาสตร์และผู้อำนวยการสถาบัน Econit Advisory Group ซึ่งเป็นสถาบันด้านเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม กล่าวว่า คนจนจะได้รับผลกระทบทางอ้อมจากการขึ้นค่าไฟ เนื่องจากราคาอาหารและสินค้าบางอย่างจะปรับตัวสูงขึ้นหลังการขึ้นค่าไฟ
"ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม รวมถึงภาคการผลิตอาหาร เป็นหนึ่งในเป้าหมายการขึ้นค่าไฟของรัฐบาลนอกเหนือจากกลุ่มคนรวย ดังนั้นเมื่อค่าไฟสูงขึ้น กำไรน้อยลง ผู้ประกอบธุรกิจก็ต้องขายอาหารและสินค้าให้แพงขึ้นเพื่อรักษาผลกำไร คนจนซึ่งใช้เงินส่วนใหญ่ที่มีในการซื้ออาหารก็ต้องได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้" เฮนดริกล่าวก่อนหน้านี้รัฐบาลอินโดนีเซียเผยว่าต้องเพิ่มงบประมาณปี 2553 อีก 5 ล้านล้านรูเปียะห์ (ราว 550.35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อให้การช่วยเหลือด้านพลังงาน อย่างไรก็ตาม เฮนดริกล่าวว่ารัฐบาลจะไม่ต้องแบกรับภาระหนักขนาดนั้นหากรู้จักพัฒนา Perusahaan Listrik Negara (PLN) บริษัทพลังงานของรัฐ ให้มีประสิธิภาพกว่าเดิม
ทั้งนี้ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ดาร์วิน ซาเฮดี ซาเลห์ รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรแร่และเหมืองแร่ของอินโดนีเซีย กล่าวว่า คณะกรรมการและรัฐบาลได้ให้ความเห็นชอบเรื่องการขึ้นค่าไฟโดยเฉลี่ย 10% แต่ลูกค้าที่ใช้ไฟในสัดส่วน 450-900 โวลท์-แอมแปร์ จะได้รับการยกเว้น สำนักข่าวซินหัวรายงาน