นายนิพนธ์ พัวพงศกร ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประทศไทย (TDRI)กล่าวว่า เห็นด้วยกับแนวทางการผลักดัน พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดว่ารัฐบาลมีฝีมือหรือไม่ เนื่องจากสถานการณ์ขณะนี้เอื้ออำนวยให้รัฐสามารถดำเนินการได้ เพื่อเป็นการปัญหาการเหลื่อมล้ำทางสังคมที่กำลังเป็นเรื่องใหญ่ เพราะมีคนร่ำรวยบางส่วนที่มีที่ดินจำนวนมากแต่ไม่ได้เสียภาษี
นอกจากนั้น การเก็บภาษีที่ดินฯ จะเป็นประโยชน์กับประเทศ โดยเฉพาะต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ช่วยลดการเก็งกำไรในที่ดิน เพราะผู้มีที่ดินที่ไม่ใช้ประโยชน์จะนำที่ดินออกมาสร้างประโยชน์มากขึ้น
ภาษีที่ดินยังมีส่วนในการสร้างประชาธิปไตย เนื่องจากจะสร้างรายได้ให้กับองค์ปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และประชาชนจะจับตามองการบริหารเงินของ อปท.หากใช้เงินไม่เป็นประโยชน์ก็จะมีผลต่อการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นการสร้างประชาธิปไตยได้ทางหนึ่ง
"รัฐบาลควรผลักดันเรื่องภาษีที่ดินเข้าสภาโดยเร็ว โดยเริ่มเก็บภาษีในอัตราที่ต่ำ จะช่วยขยายฐานภาษีได้มากขึ้นและลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้"นายนิพนธ์ กล่าว
วานนี้ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ระบุว่า กระทรวงการคลังได้หารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อเร่งพิจารณารายละเอียดกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด เพื่อส่งกลับมาให้คณะรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดปัจจุบันได้พิจารณาบรรจุเป็นวาระแรกในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งต่อไป เพราะถือเป็นกฎหมายสำคัญที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมให้ กับประชาชนได้
เบื้องต้นคาดว่าจะนำรายได้ในอัตรา 2%ของรายได้ที่จัดเก็บได้ตามกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หรือประมาณปีละ 500 ล้านบาท มาสนับสนุนการดำเนินงานของธนาคารที่ดิน และหากกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายแล้วจะทำให้รัฐบาลมีรายได้จากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ประมาณปีละ 25,000 ล้านบาท ทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีรายได้เป็นของตนเองเพื่อนำไปบริหารจัดการท้องถิ่นให้เข้มแข็ง