นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) คาดว่าต่างชาติจะกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอีกแน่นอนหลังจากขายสุทธิไปราว 1.8 หมื่นล้านบาท เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนของไทยอยูในเกณฑ์ที่ดี และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจของไทยน่าจะเติบโตได้ต่อเนื่องในระยะ 5-10 ปีนี้เช่นเดียวกับภูมิภาค
เพราะฉะนั้น ประเด็นสำคัญคือการโน้มน้าวให้ต่างชาติกลับเข้ามาลงทุน ซึ่งการจัดเวทีให้ข้อมูลหรือทำโรดโชว์ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะถึงนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามได้ โดย ตลท.จะออกไปโรดโชว์ งาน "DBTisco Access Thailand 2010" ทีป่ระเทศอังกฤษ ระหว่างวันที่ 12-14 ก.ค.นี้ร่วมกับ บล.ทิสโก้ และดอยซ์แบงก์ โดยมีบริษัทจดทะเบียนไปร่วม 10-12 บริษัท ซึ่งจะมีการนำเสนอผลประกอบการในอดีต และการบริหารงานภายใต้สถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ส่วนเรื่องปัญหาการเมืองภายในประเทศนั้น ตลท.ไม่ได้กังวล เพราะเชื่อว่าต่างชาติเข้าใจ
สำหรับกรณีที่ ทางมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ ปรับลดอันดับเครดิตหุ้นกู้ บมจ. ปตท. ( PTT) นั้น ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อการโรดโชว์ในครั้งนี้ เพราะการปรับลดเกิดจากภาวะน้ำมันโลก ส่วนเรื่องการก่อหนี้ในระยะยาว 2-3 ปีข้างหน้าเชื่อว่าจะสามารถอธิบายได้
"โรดโชว์ครั้งนี้ เป็นการไปให้ข้อมูลผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำในยุโรป ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง การลงทุนรวมทั้งการให้ข้อมูลด้านมหภาคโดยผู้แทนระดับสูงของกระทรวงการคลัง และถือเป็นโอกาสอันดีที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทจดทะเบียนจะได้สื่อสารข้อมูลโดยตรงกับผู้ลงทุนต่างประเทศ ถึงความเข้มแข็งของบริษัทจดทะเบียนไทย และความพร้อมของประเทศที่จะพร้อมเติบโตเมื่อเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว โดยคาดว่าจะสามารถสร้างความมั่นใจแก่ผู้ลงทุน และจะมีเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้มากขึ้น " นายจรัมพร กล่าว
สำหรับโรดโชว์ครั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้ลงทุนสถาบันให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังข้อมูลเป็นจำนวนมาก โดยกลุ่มผู้ลงทุนดังกล่าวมีมูลค่าเงินลงทุนในตลาดภูมิภาคอาเซียนรวมประมาณ 4 แสนล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีบริษัทจดทะเบียนที่ร่วมเดินทางไปให้ข้อมูลจำนวน 10 ราย เป็นบริษัทขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมกันกว่า 1.2 ล้านล้านบาท คิดเป็น 19% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (ณ 28 มิ.ย. 2553)
กลุ่มธุรกิจการเงิน ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ(BBL) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO), กลุ่มทรัพยากร ได้แก่ บมจ. ปตท. (PTT) บมจ. ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) บมจ.ไทยออยล์ (TOP), กลุ่มบริการ ได้แก่ บมจ. ซีพี ออลล์ (CPALL), กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ได้แก่ บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) และ กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ได้แก่ บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT)