สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยงในช่วงที่ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงอย่างหนัก อันเนื่องมาจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก หลังจากสหรัฐและจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำ COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ดีดตัวขึ้น 3.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,242.40 ดอลลาร์/ออนซ์ เคลื่อนตัวในช่วง 1,227.60 - 1,246.00 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 8.40 เซนต์ ปิดที่ 18.594 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 15.9 เซนต์ ปิดที่ 2.9305 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมเดือนก.ค.ดิ่งลง 17.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,548.10 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 18.05 ดอลลาร์ ปิดที่ 454.40 ดอลลาร์/ออนซ
นักลงทุนเข้าถือครองทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงหลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลง และหลังจากประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างจีนและสหรัฐรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.ของสหรัฐร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 52.9 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 62.7 จุด
ขณะเดียวกัน คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ระบุว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนเม.ย.ของจีนขยับตัวขึ้นเพียง 0.3% ซึ่งเป็นระดับที่เพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 5 เดือน และน้อยกว่าเดือนมี.ค.ที่พุ่งขึ้น 1.7% ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนผ่านพ้นจุดสูงสุงของการขยายตัวมาแล้ว
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลกับข่าวที่ว่าระบบการเงินของยุโรปกำลังขาดสภาพคล่องอยู่กว่า 1 แสนล้านยูโร เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ในยุโรปต้องเร่งระดมเงินเพื่อชำระคืนเงินกู้ฉุกเฉินให้กับธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) มูลค่า 4.42 แสนล้านยูโร (5.455 แสนล้านดอลลาร์) ภายในวันพฤหัสบดีนี้
กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้ถือครองทองคำแท่ง 1,316.177 ตัน ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับของวันที่ 24 มิ.ย.