สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (1 ก.ค.) โดยในระหว่างวัน สัญญาทองคำได้ร่วงลงไปต่ำกว่าระดับ 1,200 ดอลลาร์ หลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าภาคการเงินของยุโรปมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีกว่าที่นักลงทุนส่วนใหญ่ประมาณการไว้ จึงทำความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยง ลดน้อยลงด้วย
สัญญาทองคำ COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วง 39.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,206.70 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,244.80 - 1,198.20 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินเดือนก.ค.ลดลง 91.80 เซนต์ ปิดที่ 17.790 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 7.35 เซนต์ ปิดที่ 2.8770 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ดิ่งลง 30.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,506.80 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 15.35 ดอลลาร์ ปิดที่ 429.05 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวปัญหาภาคการเงินในยุโรป จึงพากันเทขายสัญญาทองคำ หลังจากมีรายงานว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จัดหาเงินกู้ระยะ 3 เดือน วงเงินรวม 1.319 แสนล้านยูโร หรือ 1.614 แสนล้านดอลลาร์ ให้กับธนาคารพาณิชย์ในยุโรป ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ที่ 2.10 แสนล้านยูโร
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐยังกระตุ้นให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำ อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ โดยจำนวนคนว่างงานสัปดาห์ที่แล้วของสหรัฐเพิ่มขึ้น 13,000 ราย สู่ระดับ 472,000 ราย สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 452,000 ราย
ขณะที่ดัชนีการทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ค.ร่วงลงสู่ระดับ 77.6 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 9 ปี และดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย.ร่วงลงสู่ระดับ 56.2 จุด จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 59.7 จุด
กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เข้าถือครองทองคำแท่ง 1,320.436 ตันในช่วงเวลาที่สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิ.ย. ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับของวันที่ 29 มิ.ย.