นักวิเคราะห์จากธนาคารพาณิชย์และบริษัทหลักทรัพย์ของจีนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนจะยังไม่ปรับเพิ่มสัดส่วนเงินสำรองธนาคารพาณิชย์ (Reserve Requirement Ratio: RRR) และยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หลังจากปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบชะลอตัวลงในไตรมาส 2
รายงานของธนาคารกลางจีนระบุว่า ปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ยังคงชะลอตัวลง และอัตราการขยายตัวของการปล่อยเงินกู้ยังคงอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ โดยยอดการปล่อยเงินกู้ใหม่สกุลเงินหยวนของธนาคารพาณิชย์ประจำเดือนมิ.ย.ร่วงลงสู่ระดับ 6.034 แสนล้านหยวน จากระดับของเดือนพ.ค.ที่ 6.394 แสนล้านหยวน ส่งผลให้ยอดการปล่อยกู้ใหม่ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้อยู่ที่ระดับ 4.63 ล้านล้านหยวน ลดลง 2.74 ล้านล้านหยวนเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
การชะลอตัวลงของการปล่อยเงินกู้ ทำให้ปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ M2 ซึ่งครอบคลุมถึงกระแสเงินสดหมุนเวียนและเงินฝากทุกประเภท เพิ่มขึ้น 18.5% ต่อปี สู่ระดับ 67.39 ล้านล้านหยวนในเดือนมิ.ย. ซึ่งขยายตัวในอัตราที่ช้าลงเมื่อเทียบกับเดือนพ.ค.ที่พุ่งขึ้น 21%
นักวิเคราะห์จากแบงค์ ออฟ คอมมิวนิเคชันส์ (BoCom) กล่าวว่า ส่วนต่างระหว่างประมาณเงินหนุมเวียนในระบบ M2 ที่ขยายตัวช้าลง ขณะที่ปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ M1 ซึ่งครอบคลุมถึงกระแสเงินสดหมนุเวียนและเงินฝากของกลุ่มนิติบุคคล ลดลง 6.1% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงต่อเนื่องจากเดือนพ.ค. สะท้อนให้เห็นว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนมีแนวโน้มชะลอตัวลง
ทั้งนี้ BoCom คาดว่า จีนจะยังคงเป้าหมายการปล่อยเงินกู้ใหม่ให้อยู่ที่ 7.5 ล้านล้านหยวน โดยธนาคารกลางจีนจะยังคงพึ่งพาการดำเนินการในตลาดเปิดเป็นหลัก เพื่อปรับสภาพคล่องในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แทนการปรับขึ้น RRR และอัตราดอกเบี้ย
ด้านนายหยาน เว่ย หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์โอเรียนท์ ซิเคียวริตีส์ คาดว่า ธนาคารกลางจีนจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยก่อนช่วงไตรมาส 2 ของปี 2554 เนื่องจากจีนมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่ซับซ้อนไปจนถึงช่วงครึ่งหลังของปีหน้า สำนักข่าวซินหัวรายงาน