นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติในหลักการมาตรการช่วยเหลือด้านสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวขนาดกลางและขนาดย่อม โดยผ่อนปรนคุณสมบัติผู้ขอกู้ให้ครอบคลุมถึงผู้ประกอบการรายย่อยที่ไม่ได้จดทะเบียนในนามนิติบุคคล
กำหนดเงื่อนไขวงเงินการกู้ต่อรายไม่เกิน 1 ล้านบาท ระยะเวลาการกู้ยืมสูงสุด 8 ปี ระยะเวลาปลอดชำระคืนเงินต้น(Grace Period) 2 ปี อัตราดอกเบี้ย ธพว.เรียกเก็บดอกเบี้ยจากผู้กู้ร้อยละ MLR ลบ 3 ต่อปี เป็นเวลา 2 ปี และตั้งแต่ปีที่ 3 เป็นต้นไป เรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยร้อยละ MLR ต่อปี โดยรัฐบาลให้เงินอุดหนุนเป็นค่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยให้กับ ธพว.ในอัตราร้อยละ 2 ต่อปีเป็นเวลา 2 ปี ยกเว้นค่าธรรมเนียมต่างๆ
ทั้งนี้ ให้ ธพว.ดำเนินการแยกบัญชีการดำเนินงานตามโครงการซึ่งเป็นนโยบายของรัฐออกจากการดำเนินงานปกติของธนาคารเพื่อขอรับการชดเชยความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตจากรัฐบาล รวมทั้งให้กำหนดวิธีการที่อำนวยความสะดวก เพื่อให้การอนุมัติเงินกู้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว เพื่อผ่อนคลายปัญหาสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยว
สำหรับการอนุมัติงบประมาณเพื่อเป็นเงินอุดหนุนเป็นค่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยให้กับ ธพว.ในอัตราร้อยละ 2 ต่อปีของวงเงินสินเชื่อที่ปล่อยจริง แต่ไม่เกิน 5,000 ล้านบาท เป็นเวลา 2 ปี รวมเป็นเงินประมาณไม่เกิน 200 ล้านบาท โดยมาจากงบกลาง รายจ่ายสำรองเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2553 วงเงิน 25 ล้านบาท เพื่อจัดสรรอุดหนุนให้ ธพว. เป็นเงินชดเชยอัตราดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553(ก.ค.-ก.ย.53),
งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2554 วงเงิน 100 ล้านบาท เพื่อจัดสรรอุดหนุนให้ ธพว.เป็นเงินชดเชยอัตราดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ.2554 และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2555 วงเงิน 75 ล้านบาท เพื่อจัดสรรอุดหนุนให้ ธพว.เป็นเงินชดเชยอัตราดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555(ต.ค.54-มิ.ย.55)
ส่วนมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่พักแรมขนาดใหญ่นั้นให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากลับไปพิจารณาทบทวนในรายละเอียดของโครงการใหม่ให้ชัดเจนแล้วนำเสนอ ครม.พิจารณาใหม่อีกครั้งหนึ่ง