นายมุสตาฟา มูฮัมหมัด รมว.กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมระหว่างประเทศ (MITI) ของมาเลเซีย เชื่อมั่นว่า มาเลเซียจะบรรลุเป้าหมายในการผลักดันตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ให้ขยายตัวได้ 6% ในปี 2553 แม้ตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ร่วงลงอย่างหนักในปี 2552 ก็ตาม
การแสดงความคิดเห็นของนายมุสตาฟามีขึ้นหลังจากรายงานขององค์การสหประชาชาติ (UN) ระบุว่า ตัวเลข FDI ของมาเลเซียหดตัวลงกว่า 80% เหลือเพียง 4.43 พันล้านริงกิต หรือ 1.38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2552
นายมุสตาฟาออกแถลงการณ์ในวันนี้ว่า มาเลเซียมีตัวเลข FDI ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2553 สูงถึง 5.06 พันล้านริงกิต หรือ 1.58 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าตัวเลข FDI โดยรวมในปี 2552
นอกจากนี้ นายมุสตาฟากล่าวว่า รัฐบาลมาเลเซียเชื่อมั่นว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายการขยายตัวของ GDP ที่ระดับ 6% ในปี 2553 ด้วยการใช้นโยบายที่สร้างสรรค์ เช่น นโยบายเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ, โครงการ Government Transformation Program, โครงการ New Economic Model และแผนการพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 10 ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ด้านนายนาเซอร์ ราซัค ซีอีโอ CIMB Bank Group กล่าวว่า คุณภาพของเม็ดเงิน FDI มีความสำคัญมากกว่าปริมาณ และการที่ตัวเลข FDI ลดลงก็ไม่ได้หมายความว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของมาเลเซียจะย่ำแย่ไปด้วย สำนักข่าวซินหัวรายงาน