คต.เผยหากนำเข้าสินค้า SSG จากออสซี่-กีวีต่อ จ่อจ่ายภาษีสูงหลังหมดโควตา

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 29, 2010 16:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ตามที่ไทยได้ทำความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) และไทย-นิวซีแลนด์ (TNZCEP) ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2548 และวันที่ 1 กรกฎาคม 2548 ตามลำดับ ภายใต้ความตกลงไทย-ออสเตรเลีย และไทย-นิวซีแลนด์ ได้ตกลงให้มีการใช้มาตรการปกป้องพิเศษ (Special Agricultural Safeguards: SSG) สำหรับสินค้าเกษตรที่เป็นสินค้าอ่อนไหว เพื่อให้ภาคการผลิตภายในประเทศมีเวลาปรับตัวรองรับการเปิดเสรีทางการค้าในปี 2563 โดยได้กำหนดปริมาณการนำเข้าและอัตราภาษีนำเข้าที่ต่ำกว่าภาษีนำเข้าปกติ ซึ่งหากมีการนำเข้าสินค้าดังกล่าวเกินปริมาณที่กำหนด (Trigger Volume) ไทยสามารถกลับไปใช้ภาษีนำเข้าปกติซึ่งมีอัตราสูง

ไทยได้ใช้มาตรการปกป้องพิเศษสำหรับสินค้านำเข้าจากออสเตรเลีย จำนวน 23 กลุ่มสินค้า ได้แก่ เนื้อวัว เนื้อหมู เครื่องในสัตว์ กระเพาะ ลำไส้ของสัตว์ นมและครีม หางนม เนย ไขมันนม เนยแข็ง เนยแข็งแปรรูป บัตเตอร์มิลค์ น้ำผึ้ง ส้มแมนดาริน องุ่นสด และมันฝรั่งแปรรูป เป็นต้น และใช้มาตรการปกป้องพิเศษสำหรับสินค้านำเข้าจากนิวซีแลนด์จำนวน 25 กลุ่มสินค้า ได้แก่ เนื้อวัว เนื้อหมู เครื่องในสัตว์ กระเพาะ ลำไส้ของสัตว์ นมและครีม หางนม เนย ไขมันนม เนยแข็ง เนยแข็งแปรรูป บัตเตอร์มิลค์และนมเปรี้ยว น้ำผึ้ง ส้มแมนดาริน องุ่นสด มันฝรั่งแปรรูปแช่แข็ง มันฝรั่งไม่แช่แข็ง เป็นต้น

ในปี 2553 (มกราคม-กรกฎาคม) ไทยได้มีการนำเข้าสินค้าที่มีมาตรการปกป้องพิเศษ (SSG) จากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ครบปริมาณโควตาที่กำหนด ดังนี้ ออสเตรเลีย จำนวน 4 กลุ่มสินค้า ได้แก่ เนื้อวัว องุ่นสด เนยแข็งสดและเป็นผง และเครื่องในวัว

นิวซีแลนด์ จำนวน 3 กลุ่มสินค้า ได้แก่ บัตเตอร์มิลค์และนมเปรี้ยว เนยเหลว และ Anhydrous milk fat


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ