ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศแห่งประเทศญี่ปุ่น(เจโทร) เผยผลสำรวจความคิดเห็นของนักธุรกิจญี่ปุ่นยังคงยืนยันที่จะลงทุนในประเทศไทยต่อไป โดยไม่คิดที่จะย้ายฐานการลงทุนไปประเทศอื่นหลังภาวะการส่งออกมีแนวโน้มสดใส แม้ยังมีความกังวลต่อปัญหาการเมืองซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญในการดำเนินธุรกิจ
นายมูเนโนริ ยามาดะ ประธานเจโทร กล่าวว่า หอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ ได้สำรวจแนวโน้มทางเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในประเทศไทยจำนวน 375 บริษัทแล้ว พบว่า ภาพรวมของสภาพธุรกิจมีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีหลังปี 2552
เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวส่งผลให้มีการกระตุ้นภาคการผลิตในอุตสาหกรรม มีการนำเข้าและส่งออกมากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายรวมในปี 52 เพิ่มขึ้นกว่า 33% และคาดว่าในปีนี้ยอดขายจะเพิ่มขึ้น 83% โดยสภาพธุรกิจในครึ่งปีหลังจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่เป็นปรับตัวในทิศทางที่ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก
อย่างไรก็ตาม ปัญหาความไม่สงบทางการเมืองในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมายังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงหลัก ซึ่งผู้ประกอบการ 67% เชื่อว่าอาจจะมีผลกระทบต่อการลงทุนในอนาคต แต่ไทยยังจัดว่าเป็นประเทศที่น่าลงทุนเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค
ประธานเจโทร กล่าวว่า ภาวะการส่งออกของไทยจะมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยอินเดียและอาเซียนจะเป็นตลาดส่งออกสำคัญ ขณะที่ตลาดยุโรปมีแนวโน้มลดลงเพราะวิกฤติการเงินที่ส่งผลต่อการบริโภค
สำหรับข้อเรียกร้องผู้ประกอบการญี่ปุ่นต่อรัฐบาลไทยในเรื่องการพัฒนาและปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องทางด้านศุลกากร และภาษีซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้นักลงทุนต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น