สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 ส.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ อย่างไรก็ตาม การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กและข้อมูลที่บ่งชี้ว่าภาคการผลิตในสหรัฐยังคงมีการขยายตัวในเดือนก.ค. ส่งผลให้ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยง ชะลอตัวลง
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,185.40 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,176.70 - 1,193.90 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ดีดขึ้น 41.60 เซนต์ ปิดที่ 18.419 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 7.8 เซนต์ ปิดที่ 3.3895 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 25.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,602.20 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ทะยานขึ้น 15.85 ดอลลาร์ ปิดที่ 515.85 ดอลลาร์/ออนซ์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ช่วยพยุงสัญญาทองคำให้สามารถปิดในแดนบวกได้ อย่างไรก็ตาม ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยงลดน้อยลง หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าภาคการผลิตยังคงมีการขยายตัวในเดือนก.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นกว่า 200 จุด
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ค.ของสหรัฐ ขยายตัวที่ระดับ 55.5 จุด ซึ่งแม้ว่าน้อยลงเมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 56.2 จุด และทำสถิติขยายตัวน้อยลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 แต่ยังมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้
นักวิเคราะห์บางกลุ่มกังวลว่า ภาคการผลิตอาจขยายตัวช้าลงเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมยังคงซบเซา และอัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูง โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ปี 2553 ของสหรัฐ ขยายตัวในอัตรา 2.4% ต่อปี ซึ่งชะลอตัวลงเมื่อทียบกับจีดีพีไตรมาสแรกที่ผ่านการทบครั้งใหม่ว่าขยายตัว 3.7% และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัวในอัตรา 2.5% ต่อปี