กษ.แจงอัตราการจัดเก็บเงินสงเคราะห์ใหม่ช่วยเกษตรกรมีทุนในการพัฒนาสวนยาง

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday August 4, 2010 18:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายศุภชัย โพธิ์สุ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า การปรับอัตราการจัดเก็บเงินสงเคราะห์จะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 เป็นต้นไป โดยมีบทเฉพาะกาลให้จัดเก็บเงินสงเคราะห์ในอัตราเดิมสำหรับสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ทำก่อนวันที่ 4 มิถุนายน 2553 และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทยที่มีกำหนดส่งมอบสินค้าจนถึงวันที่ 31 มกราคม 2554 นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) เริ่มดำเนินการตรวจสอบสต็อกยาง ตั้งแต่วันที่ 20—30 กันยายน 2553

"การปรับอัตราการจัดเก็บเงินสงเคราะห์ (Cess) ซึ่งเป็นเงินที่จัดเก็บจากผู้ส่งยางออกนอกราชอาณาจักร แล้วนำเข้ากองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการสงเคราะห์ปลูกแทน รวมทั้งการบริหารงานของ สกย.ตลอดจนการศึกษาค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับกิจการยาง เช่น พันธุ์ยาง ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การวิจัยเกี่ยวกับการผลิตผลิตภัณฑ์ยางเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับยาง เป็นต้น โดยตั้งแต่ปี 2547 — 2552 สกย.จัดเก็บเงินสงเคราะห์ได้เฉลี่ยปีละ 3,823.3 ล้านบาท เมื่อนำมาจัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้วไม่เพียงพอ ประกอบกับปัจจุบันราคายางเพิ่มสูงขึ้น จึงได้มีการทบทวนอัตราการจัดเก็บเงินสงเคราะห์ให้สัมพันธ์กับราคายาง เพื่อให้กองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางมีเงินพอที่จะจัดสรรให้เกษตรกรชาวสวนยางนำไปเป็นทุนในการพัฒนาสวนยาง การโค่นต้นยางเก่าที่หมดสภาพ และปลูกทดแทนด้วยยางพันธุ์ดี ตลอดจนเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินในการอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของ สกย." นายศุภชัย กล่าว

ทั้งนี้ การปรับเพิ่มอัตราการจัดเก็บเงินสงเคราะห์ให้สูงขึ้นตามอัตราราคายางดังกล่าว นอกจากจะทำให้ต้นทุนวัตถุดิบยางพาราในประเทศแตกต่างจากต่างประเทศแล้ว ยังเป็นปัจจัยดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมยางพาราในประเทศมากยิ่งขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย

วานนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติปรับเพิ่มอัตราการจัดเก็บเงินสงเคราะห์ซึ่งเป็นไปตามมติของคณะกรรมการสงเคราะห์การทำสวนยาง (ก.ส.ย.) และคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) โดยแบ่งอัตราการจัดเก็บเงินสงเคราะห์ สัมพันธ์กับราคายาง เป็น 5 ระดับ คือ ราคายางไม่เกินกิโลกรัมละ 40 บาท เก็บเงินสงเคราะห์ในอัตรากิโลกรัมละ 90 สตางค์ ราคายางเกินกิโลกรัมละ 40 บาท แต่ไม่เกินกิโลกรัมละ 60 บาท เก็บเงินสงเคราะห์ในอัตรากิโลกรัมละ 1.40 บาท ราคายางเกินกิโลกรัมละ 60 บาท แต่ไม่เกินกิโลกรัมละ 80 บาท เก็บเงินสงเคราะห์ในอัตรากิโลกรัมละ 2 บาท ราคายางเกินกิโลกรัมละ 80 บาท แต่ไม่เกินกิโลกรัมละ 100 บาท เก็บเงินสงเคราะห์ในอัตรากิโลกรัมละ 3 บาท และราคายางเกินกิโลกรัมละ 100 บาท เก็บเงินสงเคราะห์ในอัตรากิโลกรัมละ 5 บาท ทั้งนี้ ให้อิงราคายางแผ่นรมควัน ชั้น 3 Free On Board (FOB) กรุงเทพฯ เป็นเกณฑ์ในการคำนวณเงินสงเคราะห์ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะประกาศราคายางที่ใช้เป็นเกณฑ์ทุกวันที่ 1 และวันที่ 16 ของเดือน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ